ไล่ไทม์ไลน์ แฉ ปมเปลี่ยนข้อมูลความเร็วรถ "บอส อยู่วิทยา" จาก 177 เป็น 79  กม./ชม.
logo TERO HOT SCOOP

ไล่ไทม์ไลน์ แฉ ปมเปลี่ยนข้อมูลความเร็วรถ "บอส อยู่วิทยา" จาก 177 เป็น 79 กม./ชม.

2,305 ครั้ง
|
13 ส.ค. 2563

พ.ต.อ. ธนสิทธิ์ แตงจั่น ตำรวจพิสูจน์หลักฐานความเร็วรถของนายวรยุทธ อยู่วิทยา ที่ได้ 177 กม./ชม. ในสำนวนสั่งฟ้องครั้งแรก ชี้แจงถึงการเปลี่ยนแปลงคำให้การ จาก 177 ชม./กม.มาเป็น79.22 กม./ชม.

 

โดยสรุปไทม์ไลน์เหตุการณ์ ดังนี้

 

- วันที่ 3 ก.ย. 2555 วันเกิดเหตุ พ.ต.อ. ธนสิทธิ ชร้แจงว่าได้ลงพื้นที่ไปตรวจพิสูจน์หลักฐาน และได้ทำรายงานเรื่องความเร็ว ได้ 177 กม./ชม. จากการวัดพื้นที่จริง โดยมี ดร.สธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ จากจุฬาฯ เป็นผู้ควบคุม และมีการคำนวณสอดคล้องกัน

 

- วันที่ 26 ก.ย. 2555 ได้สรุปรายงานพิสูจน์ร่องรอยการเฉี่ยวชนและรายงานต่อผู้บังคับบังบัญชาเพื่อใช้ในสำนวน ยืนยันความเร็ว 177 กม./ชม.

 

- วันที่ 26 ก.พ. 2559 พ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี ผกก.(สอบสวน) สน.ทองหล่อ ได้มาที่ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ พบพร้อมกับบุคคล คนหนึ่ง(แต่ขอไม่เปิดเผยชื่อ) ซึ่งนำ "ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม"อาจารย์จาก ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ มาพบตน ที่ห้องทำงานของผู้บังคับบัญชาหน่วยงานที่อยู่ระดับสูง  ซึ่งบุคคลที่ไม่ขอเอ่ยนาม ได้เป็นผู้แนะนำตัว "ดร.สายประสิทธิ์" รวมถึงอธิบายเอกสารวิธีการขั้นตอนวิธีการคิดคำนวณความเร็วรถ ของ ดร.สายประสิทธิ์ ที่มีเพียง 10 แผ่น ที่คำนวณมาแล้ว ได้ความเร็ว 79.22 กม./.ชม.

โดยใช้วิธีคำนวณจากเส้นทแยงมุมของรถ ประกอบกับเห็นว่า เมื่อปี 2558 ดร.สายประสิทธิ์ เคยมาคำนวณคดี ของเสี่ยชูวงษ์ มาแล้ว และ 14 ม.ค. 2559 พนักงานอัยการให้สอบสวนเพิ่มเติมในกรณีความเร็ว แต่กำหนดให้ส่งกลับให้อัยการ 12 ก.พ.2559 ซึ่งมีเวลาเพียง 14 วัน  ซึ่ง ผู้กำกับสอบสวนคดีแจ้งว่าต้องรีบสอบปากคำ ทำให้ต้องเอาข้อมูลของ ดร.สายประสิทธิ์ เข้าไปให้การในทางวิชาการในสำนวน เพราะเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจ ว่า ดร.สายประสิทธิ์ เป็นผู้เชี่ยวชาญ แต่หลังจากนั้น ได้มีการตรวจสอบความถูกต้องรายงานของ ดร.สายประสิทธิ์ พบว่ามีความผิดพลาดมากถึง 46%

 

จากนั้นในวันที่ 29 มีนาคม 2559 จึงแจ้งต่อผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง เพื่อข้อให้ปากคำเพิ่มเติม ว่าไม่ถูกต้อง แต่เมื่อติดต่อไปทาง"พ.ต.อ.วิรดล"ผู้กำกับสอบสวน สน.ทองหล่อ แจ้งว่าได้ส่งสำนวนให้อัยการแล้ว หมดหน้าที่ของตำรวจแล้ว และคดีความเร็วขาดอายุความไปแล้ว ตนจึงมีความเชื่อว่าสอบไปแล้วไม่ได้ประโยชน์อะไรเพราะเชื่อว่าขาดอายุความ แต่ย้ำว่าได้พยายามถึงที่สุดแล้วที่ต้องการจะขอแก้ไขคำให้การ  ซึ่งการพิจารณาให้ความเป็นธรรมในชั้นกรรมาธิการของ สนช. มีการเชิญตน มาร่วมประชุม 1 ครั้งแต่ ไม่มีการให้ชี้แจงใดๆ บอกเพียงว่าจะเรียกมาชี้แจงใหม่ แต่ก็ยังไม่มีการเรียกให้ตนไปชี้แจงใดๆจนถึงตอนนี้

โดยประเด็นนี้ กรรมาธิการได้พยายามซักถามอย่างมากกว่าการไม่แย้งคำให้การครั้งนี้ถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ ซึ่ง พ.ต.อ.ธนสิทธิ เปิดเผยว่า หลังจากนั้น 11 ส.ค. 2559 ได้ไปให้ปากคำต่อจเรตำรวจ ยืนยันความเร็วว่า เป็น ไปตามรายงาน เดิม คือ 177 กม./ชม. ไม่ใช่ 79 ตามรายงานของ ดร.สายประสิทธิ์ และได้ให้ปากคำเรื่องนี้ ต่อ ป.ป.ช. มาแล้ว

 

ทั้งนี้มีรายงานว่าบุคคล ที่นำ ดร.สายประสิทธิ์ มาพบ ในปี 2559 นั้นมีความเกี่ยวข้องในกรรมาธิการ ยุค สนช. ด้วย ซึ่งสื่อมวลชนพยายามแค้นถาม พ.ต.อ.ธนสิทธิ หลังชี้แจงแต่ก็ไม่ยอมเปิดเผย บอกเพียงว่าผู้บังคับบัญชา ไม่อนุญาตให้เปิดเผย

 

ด้าน "นายเนตร นาคสุข"รองอัยการสูงสุด ยอมรับเหตุไม่ฟ้องคดีนี้เป็นเพราะความเร็วรถ "บอส อยู่วิทยา" 79 กม./ชม. ตามที่พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนมาก ซึ่งไม่ผิดตามกฎหมายประกอบกับมีพยานให้การสอดคล้อง ซึ่งมี ข้อมูลทางวิชาการ ของ ดร.สายประสิทธิ์ สนับสนุน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง