นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยถึงทิศทางราคาทองคำที่พุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์สูงกว่า 2,000 ดอลล่าร์สหรัฐต่อออนซ์ ว่า ปัจจัยที่เข้ามามีผลกระทบเพิ่มเติมจากปัจจัยเดิมที่มีอยู่ ก็คือ เหตุการณ์ระเบิดที่เลบานอน แต่เมื่อแนวโน้มเป็นเรื่องอุบัติเหตุ ราคาจึงพุ่งขึ้นไม่แรงนัก เพราะหากเป็นเหตุการณ์ก่อการร้ายราคาทองคำมีโอกาสพุ่งสูงกว่านี้อีกแน่นอน
ส่วนกรณีที่นักวิเคราะห์มองตัวเลขราคาทองจะพุ่งทะลุ 3,000 ดอลล่าร์สหรัฐต่อออนซ์ นายจิตติ ระบุว่า ต้องระวังเรื่องการคาดการณ์ เพราะที่ผ่านมาเคยมีบทเรียนที่นักวิเคราะห์ประเมินในลักษณะเดียวกันนี้ แต่เมื่อกองทุนที่ลงทุนในทองคำมีการเทขายทำกำไร ส่งผลให้ราคาร่วงลงอย่างแรง ดังนั้นต้องพิจารณาปัจจัยรอบด้าน โดยเชื่อว่าโอกาสจะพุ่งถึง 3,000 ดอลล่าร์สหรัฐต่อออนซ์ ในระยะสั้นยังเป็นไปได้ยาก ประกอบกับขณะนี้การลงทุนในทองคำของกองทุนขนาดใหญ่ยังมีอยู่ ดังนั้นต้องระมัดระวัง หากถือทองอยู่ก็สามารถทยอยแบ่งขายทำกำไรได้
#ราคาทองคำ ประจำวันที่ 05/08/2563
เวลา 14:35 น. (ครั้งที่ 9) บาทละ(บาท)
ทองคำแท่ง 96.5%
ขายออก 29,650.00
รับซื้อ 29,550.00
ทองรูปพรรณ 96.5%
ขายออก 30,150.00
รับซื้อ 29,016.24
อย่างไรก็ตามการปรับราคาทองในตลาดโลกทำสถิติสูงสุดในครั้งนี้ ได้ส่งผลให้ราคาทองคำในประเทศมีการปรับตัวสูงขึ้นทะลุ 30,000 บาทต่อบาททองคำ ซึ่งมองว่ามีโอกาสเป็นไปได้ หากราคาทองคำตลาดโลกขยับถึง 2,047 ดอลล่าร์สหรัฐต่อออนซ์ พร้อมให้แนวรับไว้ที่ 1,975 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ และ แนวต้านที่ 2,025 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ หากราคาทองผ่านแนวต้านไปได้ก็มีโอกาสขยับขึ้นต่อ
สำหรับบรรยากาศการซื้อขายทองคำที่ร้านทองในวันนี้ ค่อนข้างคึกคัก มีประชาชนนำทองคำ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทองรูปพรรณที่สะสมไว้ มาขายทำกำไรอย่างต่อเนื่อง แต่ยังถือว่าน้อยกว่าในช่วงที่ผ่านมา และไม่มีการยืนต่อคิวหน้าร้าน เนื่องจากประชาชนบางส่วนได้ขายทำกำไรไปก่อนหน้านี้แล้ว พร้อมยืนยันว่า สภาพคล่องของร้านทอง ขณะนี้ยังรองรับได้ดี มีการสำรองเงินสดไม่ถึงวันละ 100 ล้านบาท ซึ่งน้อยกว่าช่วงล็อคดาวน์โควิด-19 ที่ต้องสำรองเงินสดวันละกว่า 200 ล้านบาท
ทั้งนี้ยังแนะนำประชาชนว่าในช่วงที่ราคาทองพุ่งสูง อาจมีมิจฉาชีพฉวยโอกาสนำทองปลอมมาหลอกขาย แม้จะไม่ระบาดหนักในขณะนี้ แต่ก็ต้องระมัดระวัง โดยแนะนำให้ซื้อทองคำจากร้านที่เชื่อถือได้ ไม่ควรซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ ยกเว้นร้านที่รู้จักสนิทสนมกันจริง ขณะเดียวกันเสนอให้ภาครัฐพิจารณาเพิ่มบทลงโทษผู้ที่กระทำผิดหลอกขายทองปลอมให้หนักขึ้นกว่าในปัจจุบัน เพื่อเป็นการปราบปรามอย่างเข้มข้น