ส.ส.ก้าวไกล อดีตตร.ทำคดียัน 'บอส อยู่วิทยา' ผิดจริง ข้องใจสั่งไม่ฟ้อง ลั่นเก็บหลักฐานเองกับมือ
logo TERO HOT SCOOP

ส.ส.ก้าวไกล อดีตตร.ทำคดียัน 'บอส อยู่วิทยา' ผิดจริง ข้องใจสั่งไม่ฟ้อง ลั่นเก็บหลักฐานเองกับมือ

TERO HOT SCOOP : ส.ส.ก้าวไกลอดีตตำรวจทำคดี บอส อยู่วิทยา ข้องใจ อัยการสั่งไม่ฟ้อง ลั่นเก็บหลักฐานเองกับมือ ยันได้เป็นคนขับรถชน ด.ต.วิเชียร ชี้ถึง คดีบอส อยู่วิทยา,ชนตำรวจเสียชีวิต,ส.ส.,พรรคก้าวไกล

77,642 ครั้ง
|
24 ก.ค. 2563
ส.ส.ก้าวไกลอดีตตำรวจทำคดี “บอส อยู่วิทยา” ข้องใจ “อัยการ” สั่งไม่ฟ้อง ลั่นเก็บหลักฐานเองกับมือยันได้ “เป็นคนขับรถชน ด.ต.วิเชียร” ชี้ถึงเวลาต้องปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม
 
วันที่ 24 ก.ค.พ.ต.ต.ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ ส.ส. พรรคก้าวไกล แถลงกรณีที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฟ้อง นายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา ทายาทบริษัทเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดัง ในทุกข้อกล่าวหา ที่เกี่ยวข้องกับเหตุขับรถชน ดาบตำรวจวิเชียร กลั่นประเสริฐ ตำรวจสน.ท่องหล่อเสียชีวิตเมื่อปี 2555
 
โดย พ.ต.ต.ชวลิต ในฐานะอดีตนักวิทยาศาสตร์ (สบ.1) กลุ่มงานตรวจทางเคมี ฟิสิกส์ กองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เป็นผู้พิสูจน์หลักฐานคดีนี้ด้วยตัวเอง ทั้งจดบันทึก ถ่ายรูป เก็บร่อยรอยหลักฐานต่างๆ เกี่ยวกับคดีนี ยืนยันได้ว่า นายบอส อยู่วิทยา เป็นคนขับรถชนจริงใน 3 ประเด็น คือ 1.เริ่มจากรถของดาบตำรวจที่เสียชีวิต กับรถเฟอร์รารีของผู้ต้องหา “เป็นการชนท้าย ไม่ใช่การปาดหน้า” / 2.ตัวบุคคลที่ชน ในบันทึกระบุ
 
“เหตุการณ์เกิดขึ้นเช้ามืด ซึ่งตัวรถที่ชนไปอยู่ในบ้านผู้ต้องหา แต่ส่งคนรับใช้ที่บ้านมามอบตัว จนพนักงานสอบสวนได้ถามปรากฏว่าไม่ใช่ เวลานั้นผู้บัญชาการตำรวจนครบาลขณะนั้นได้นำกำลังล้อมบ้าน จนนายบอส ยอมมอบตัว และพิสูจน์ได้ว่าเป็นคนขับรถ จากรอยรัดเข็มขัด ที่เป็นรอยจ้ำแดง” 
 
และ3.เรื่องความเร็วขับรถเกินกำหนด มีหลักฐานจากกล้องวงจรปิด ที่สามารถเอาผิดได้ โดยกองพิสูจน์หลักฐานขณะนั้นออกรายงานได้ภายใน 1 เดือน แต่พอเข้าสู่ชั้นพนักงานสอบสวนกลับใช้เวลาหลายปี จึงรู้สึกไม่พอใจมากเมื่ออัยการสั่งไม่ฟ้องคดีนี้ และควรปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมเพื่อขจัดปัญหาให้หมดไป
 
ด้าน นายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ ได้ตั้งคำถามกับกระบวนการยุติธรรมไทย เพราะความยุติธรรมของดาบตำรวจที่เสียชีวิต แม้จะเอื้อมไปศาลก็ยังไปไม่ถึง หยุดอยู่ในชั้น อัยการและพนักงานสอบสวน ที่สั่งไม่ฟ้อง และสรุปสุดท้ายคือการเพิกถอนหมายจับ โดยไม่ได้พิสูจน์ความจริง ที่สำคัญประเด็นที่เกี่ยวข้องกับตำรวจทำคดี 11 คนที่ถูกร้องและส่งเรื่องไปถึง ป.ป.ช.แต่กลับไม่ผิดวินัยร้ายแรง ทั้งที่ไม่ได้นำรายงานเรื่องความเร็วจากกองพิสูจน์หลักฐานมาพิจารณา , ละเว้นไม่ออกหมายจับ , และไม่ติดตามดูแลการสอบสวน จนทำให้กระบวนการหยุดอยู่ที่อัยการ ยังไม่เข้าสู่กระบวนการศาลเสียด้วยซ้ำ
 
ซึ่งอัยการเองก็ปล่อยให้มีการเลื่อนนัดพบอัยการถึง 7 ครั้ง ต่างจากคนธรรมดาทั่วไป ซึ่งในฐานะ ส.ส.ตั้งคำถามว่า คุกมีไว้แค่ขังคนจนหรือไม่ เหมือนกรณีนักมวยติดคุกฟรีเพราะความผิดพลาดของพนักงานสอบสวน และสุดท้ายฝากไปถึงผู้ต้องหา รวยแล้วต้องมีความละอายใจต่อสังคมบ้าง และย้ำว่าเรื่องนี้ต้องติดตาม ปล่อยไว้ไม่ได้
 
ขณะที่ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นต้องมีการปฏิรูปตำรวจทั้งกระบวนการสอบสวนคดีและการทำงานของตำรวจ ซึ่งต้องอยู่ภายใต้อำนาจของผู้มีคุณทรัพย์สูง ผู้ก่อเหตุมีฐานะไม่ธรรมดา ขณะที่กระบวนการก็มีการทอดเวลาให้นานออกไป ดังนั้นการปฏิรูปตำรวจต้องให้ความรู้พนักงานสอบสวน มีเครื่องมือเก็บพยานหลักฐาน พร้อมตั้งคำถามถึงรัฐบาลว่า 2 ปีที่ผ่านมาทำอะไร ถึงปล่อยให้การปฏิรูปตำรวจคาราคาซัง
 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง