‘VIP’ คือคำเรียกบุคคลสำคัญที่มีสิทธิพิเศษเหนือผู้อื่น ซึ่งใครหลายคนต่างหวังจะได้เป็น แต่คงไม่ใช่สำหรับเมืองไทยในตอนนี้ เมื่อลูกสาวอุปทูตประเทศซูดานแขกวีไอพีของรัฐบาลติดโควิด-19 จนสร้างวิตกกังวลกังวลแก่ประชาชนว่าจะเกิดการระบาดรอบ 2 จนรัฐบาลตกเป็นที่วิพากษ์วิจารย์อย่างดุเดือด
ล่าสุดส่อเค้าซ้ำรอยเดิมอีกครั้ง เมื่อสถานทูตเอสโทเนีย อ้างเอกสิทธิ์วีไอพีขอเข้าพักที่คอนโดหรูย่านสุขุมวิท โดยทีมข่าวช่อง 3 ออนไลน์ ได้ทำสรุปม้วนเดียวจบ เหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้…
- 16 ก.ค. 63 สถานทูตเอสโทเนีย ส่งบุคคลจากสถานทูต จำนวน 1 คนขอเข้าพักในคอนโดมิเนียมมิลเลนเนี่ยม เรสซิเด้นท์ แต่ไม่ได้รับการยินยอมจากฝ่ายอาคารและนิติบุคคล โดยให้เหตุผลเรื่องความปลอดภัยจากเชื้อโควิด-19 หวั่นซ้ำรอยกรณีของลูกสาวอุปทูตซูดานที่ติดเชื้อวิด-19 จนเกิดการเจรจาหลายชั่วโมง
- นางนาตาชา รอยส์ รองประธานกรรมการ บริษัท พีพีเอ็ม จำกัด ซึ่งบริหารพื้นที่นิติบุคคลอาคารชุดมิลเลนเนี่ยมเรสซิเด้น เปิดเผยว่า ได้รับการติดต่อจากสถาทูตเอสโทเนีย แจ้งว่าจะมีคนจากสถานทูตเข้าพักกักตัว 14 วัน ที่คอนโดแห่งนี้
(นางนาตาชา รอยส์)
- ผซึ่งทางนิติบุคคลได้พิจารณาแล้วยืนยันว่า ไม่อนุญาตให้ บุคคลดังกล่าวเข้าพักเพื่อกักตัว เนื่องจากหากมีการติดเชื้ออาจส่งผลกระทบกับลูกบ้านอีก 604 ห้อง ขณะเดียวกันห้องพักที่มีการเช่าไว้ เป็นการเช่าในนามบุคคล ไม่ใช่ในนามสถานทูต จึงเจรจาขอให้ไปพักที่อื่น
- ซึ่งทางตัวแทนของสถานทูตไม่ยินยอม โดยอ้างเอกสิทธิ์ทางการทูต ในการเข้าพัก ทางนิติบุคคลจึงประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ สำนักงานเขตคลองเตย ให้เข้ามาช่วยดูแลสถานการณ์หากเกิดความไม่พอใจของลูกบ้าน
- อย่างไรก็ตาม นางนาตาชา แจ้งว่าได้ประสานไปยัง ศบค. เพื่อให้ช่วยประสานเรื่องดังกล่าวแล้ว แต่ได้รับการแจ้งให้ประสานไปยังสถานทูตเอง เนื่องจากเป็นเรื่องระหว่างคอนโดฯ และสถานทูต
- นายพิสุทธิ์ รักวงษ์ ผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุดมิลเลนเนียม เรสซิเดนซ์ ตั้งคำถามจากเหตุการณ์นี้ไปถึงรัฐบาลว่า ไหนบอกว่าไม่มีการยกเว้นสิทธิพิเศษให้กลุ่มวีไอพีแล้ว ทำไมยังเกิดกรณีนี้ หากทางชุมชนคือ คอนโดฯไม่มีความเข้มแข็งยอมให้เจ้าหน้าที่ทูตเข้าพักอาจจะทำให้เกิดปัญหาตามมาได้
(นายพิสุทธิ์ รักวงษ์)
- ต่อมา ผู้แทนสถานทูตเอสโตเนีย ได้ประสานไปยังกระทรวงการต่างประเทศเพื่อขอให้จัดสถานที่พักให้ และยินยอมที่จะย้ายไปพักยังสถานที่ที่กระทรวงการต่างประเทศจัดหาไว้ให้
- ขณะที่ ดร.วีระชัย เตชะวิจิตร์ กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์เอสโตเนียประจำกรุงเทพมหานคร โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก Virachai Techavijit ระบุว่า ขอชี้แจงเรื่องข่าวบิดเบือนที่ว่านักการทูตเอสโตเนียเข้าเมืองไทยในฐานะนักการทูตเอสโตเนีย
- โดยข้อเท็จจริงปรากฎว่าท่านนี้เป็นนักการทูตของ European Union (EU) ประจำประเทศไทย จึงถือว่าอยู่ในความรับผิดชอบของ EU ดังนั้น EU จึงต้องปฎิบัติตามกฎระเบียบของ ศบค.อย่างเคร่งครัด ทั้งประเทศเอสโตเนียและสถานกงสุลใหญ่ของข้าพเจ้าไม่ทราบการเข้าออกประเทศไทย และจะเข้าไปก้าวก่ายการปฎิบัติราชการของ EU ไม่ได้
- ล่าสุด นายเชิดเกียรติ อัตถากร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ตอบคำถามกรณี นักการทูตเอสโตเนีย สรุปความว่า “นักการทูตไม่ใช่วีไอพี แต่มีการคุ้มครองตามอนุสัญญาเวียนนา
(นายเชิดเกียรติ อัตถากร)
- แต่ภายใต้อนุสัญญาเวียนนา นักการทูตจะต้องเคารพและปฏิบัติตามระเบียบและกฎหมายประเทศเจ้าบ้านด้วย ในช่วงบ่ายวันนี้ก็จะมีการพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งโควิด-19 โดยจะมีการทบทวนมาตรการต่างๆ ให้เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงระหว่างเปลี่ยนผ่านของระเบียบ ยังใช้ตามระเบียบเดิม คือ ใช้ที่พักเป็นที่กักตัว 14 วัน ภายใต้การดูแลของหน่วยงานต้นสังกัด
- ในช่วงรอยต่อนี้ ยังคงมีคณะทูตเดินทางเข้ามาในไทยเป็นกรณีปกติ แต่เป็นจำนวนไม่มาก โดยใน 2-3 วันนี้อาจจะมีอีกประมาณ 2-3 คน และจะมีมาตรการเข้มขึ้น นายเชิดเกียรติ กล่าว”.