พล.ต.ต.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบก.ปคม. ร่วมแถลงการขยายผลจับกุม 22 ผู้ต้องหาเครือข่ายรับจ้างอุ้มบุญข้ามชาติที่เคยถูกจับเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งเครือข่ายนี้มีนายทุนชาวจีนว่าจ้างหญิงไทยมาอุ้มท้องผิดกฎหมาย โดยตำรวจมีหลักฐานผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม จึงขอศาลออกหมายจับ 10 คน ในข้อหาสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดร้ายแรงเกี่ยวกับอาชญากรรมข้ามชาติ,ร่วมดำเนินการให้มีการตั้งครรภ์แทนเพื่อผลประโยชน์ทางการค้า และร่วมกันซื้อเสนอขายนำเข้าส่งออกซึ่งอสุจิ หรือซื้อขายตัวอ่อน ก่อนสามารถควบคุมตัวได้ทั้งหมด 10 ราย ทั้งได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของเครือข่าย พบเงินหมุนเวียนกว่า 500 ล้านบาท และยึดทรัพย์สินรวมกว่า 1,000 ล้านบาท
พ.ต.อ.มานะ กล่าวว่า พฤติกรรมขบวนการนี้ หากแม่ชาวจีนที่ประสงค์ตั้งครรภ์แต่ทำไม่ได้ จะติดต่อนายหน้าซึ่งมี 2 ส่วน คือ คนที่เคยเป็นแม่อุ้มบุญผันตัวมา และนายหน้าที่ติดต่อกับนายทุนโดยตรง ติดต่อไปหาหญิงที่ขายไข่เข้าสู่กระบวนการเก็บไข่ไปผสมกับอสุจิโดยแพทย์ กระทั่งมีกฎหมายกำหนดการอุ้มบุญชัดเจน จึงมีคนเดินทางไปฝังตัวอ่อนที่ประเทศเพื่อนบ้านก่อนกลับเข้าไทยมาพักจนครบกำหนดคลอด บางส่วนจะคลอดในไทยก่อนทำหนังสือเดินทางให้เด็กแล้วไปส่งยังพ่อแม่ที่ว่าจ้าง โดยแม่อุ้มบุญจะพาไปส่งที่จีนเอง ขณะที่แม่อุ้มบุญอีกส่วนจะไปคลอดที่จีนเอง แล้วส่งเด็กให้พ่อแม่
พ.ต.อ.มานะ กล่าวต่อ สำหรับผู้ต้องหาชุดใหม่ 10 ราย จากทั้งหมดที่ออกหมายจับ 23 ราย จับกุมได้ 22 ราย หลบหนีอยู่ต่างแดน 1 ราย จากการสอบสวนร่วม 500 ปากสำหรับแพทย์ที่ดำเนินการผสมเชื้อ 6 ราย มีพฤติกรรมกระทำผิดด้วยการเช่าสถานพยาบาลเพื่อเปิดคลินิกเฉพาะทางสำหรับผู้มีบุตรยาก โดยจะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายกำหนด มีหมอที่มีใบรับรองสูตินารีเวชดำเนินการ ก่อนที่แม่อุ้มบุญจะไปคลอดที่อื่นทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งการสืบสวนเส้นทางการเงินพบว่าขยายผลไปถึงผู้ต้องหาอีก 4 ราย เป็นนายทุนกลุ่มใหม่ที่ว่าจ้างหญิงอุ้มบุญ
พ.ต.อ.ณรงค์ กล่าวว่า ปคม.มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมดเมื่อ 19 เมษายนที่ผ่านมา ก่อนที่อัยการจะตั้งคณะทำงานและมีความเห็นสั่งฟ้องในวันที่ 7 พฤษภาคม โดยแบ่งผู้ต้องหา 5 กลุ่ม คือ 1.หญิงรับจ้างตั้งครรภ์แทน(อุ้มบุญ) 2.หญิงขายไข่(พริตตี้หน้าตาดี),ชายขายอสุจิ(นายแบบ) 3.ผู้โฆษณาจัดหาแม่อุ้มบุญ ซื้อขายไข่และอสุจิ 4.นายหน้าติดต่อแม่อุ้มบุญ 5.นายทุนต่างชาติ และผู้ว่าจ้าง พล.ต.ต.วรวัฒน์ กล่าวว่า ภายหลังทางการจีนส่งทีมงานเข้ามาช่วยเหลือทางคดี ก็ยืนยันว่ามีพ่อชาวจีน ที่ต้องการนำเด็กไปเลี้ยงจริงๆ 4 คน ยังไม่ปรากฎว่ามีข้อมูลว่าเด็กที่เกิดจากการอุ้มบุญถูกนำไปค้าอวัยวะหรือทำเปิบพิสดารอย่างที่เคยมีกระแสข่าวก่อนหน้านี้ โดยคดีนี้ อัยการสูงสุดส่งคณะทำงานมาร่วมสอบสวนกับ ปคม.ด้วย 7 ราย จึงมั่นใจว่าสามารถดำเนินคดีกับผู้ต้องหาแม้จะอยู่ในต่างประเทศได้ เนื่องจากการกระทำผิดเข้าข่ายองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติและเป็นความผิดมูลฐานการฟอกเงิน จากนี้ ปปง.จะดำเนินการยึดอายัดทรัพย์สินจากการกระทำผิดทั้งหมด
อธิบดี สบส.กล่าวว่า การอุ้มบุญในประเทศไทยนั้นมีสถานประกอบกว่าหลายร้อยแห่งที่สามารถทำได้ตามกฎหมายกำหนด ซึ่งมีผู้ขอทำอุ้มบุญไปแล้วกว่า 400 ราย และสถานประกอบการที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะต้องตรวจสอบว่ามีความผิดด้วยหรือไม่ หลังคำพิพากษาของผู้ต้องหาในคดีอุ้มบุญ สำหรับแพทย์และพยาบาล นักวิทยาศาสตร์จะมีแพทย์สภาและจริยธรรมวิชาชีพกำหนดโทษอยู่แล้ว
+ อ่านเพิ่มเติม