ท่ามกลางวิกฤตเศรษกิจถดถอยทั่วโลกจากผลกระทบการแพร่ระบาดโควิด-19 แต่ Apple ก็ปล่อย iPhone SE รุ่นใหม่ออกมาอย่างเป็นทางการ สร้างกระแสฮือฮาบนโลกออนไลน์อย่างมาก โดยใช้ชื่อ iPhone SE (ไม่มี 2 ตามหลัง) ซึ่งดีไซน์เหมือนกับ iPhone 8 หน้าจอ 4.7 นิ้ว ทั้งฝาหลังยังเป็นกระจก พร้อมชิพประมวลผลเดียวกับตระกูล iPhone 11 และที่สำคัญราคาสุดแสนเร้าใจจนแทบไม่น่าเชื่อว่า Apple จะให้คุณได้
iPhone SE มีให้เลือก 3 สี คือดำ, ขาว และแดง (Product RED) โดยมีความจุทั้งหมด 3 รุ่นดังนี้
โดยมีกำหนดวางจำหน่ายในประเทศไทยเร็วๆ นี้
ทีมข่าวช่อง 3 ออนไลน์ได้มีโอกาสสัมภาษณ์เปิดใจกับ ‘ธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัย’ นักการตลาดชื่อดัง สมญานาม ‘นักการตลาดขาโหด’ เจาะลึกประเด็น “เหตุใดจึงตั้งราคาถูก” ตอบคำถามสังคม “ควรซื้อ iPhone SE หรือไม่ ” พร้อมเปิดวิธีการปรับตัวให้เข้ากับสถาวะเศรษฐกิจเช่นนี้
- เหตุใดจึงกล้าตั้งราคาถูกลงขนาดนี้
นายธันยวัชร์ วิเคราะห์ว่า “ ‘ทิม คุก’ ซีอีโอของ Apple มีนโยบายที่แตกต่างจาก ‘สตีฟ จ็อบส์’ โดยจะมีการออกผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และครอบคลุม เราจะเห็นว่าก่อนหน้านี้ iPad ก็มีการวางจำหน่ายในราคาถูก และสามารถใช้ปากกาได้ด้วย ซึ่งภาพรวมตลาดสมาร์ทโฟนที่จีนผลิตโทรศัพท์มือถือที่มีราคาถูกและคุณภาพดี ดังนั้นหาก Apple เลือกจับตลาดกลุ่มบนอย่างเดียวจะทำให้เสียฐานตลาดใหญ่ ซึ่งตลาดส่วนนี้หากได้ลองใช้ iPhone รุ่นราคาถูก ในอนาคตก็มีโอกาสที่จะใช้ iPhone รุ่นที่มีราคาแพงขึ้น ดังนั้นนี่จึงเป็นกลยุทธ์ล่อให้ผู้บริโภคเข้ามาสู่ครอบครัว Apple
ในสภาวะเศรษฐกิจโลกที่กำลังย่ำแย่จากไวรัสโควิด-19 นั้น iPhone ตัวท็อปแพงสุดไม่ควรเกิน 40000 บาท หากแพงกว่านี้คนจะมองว่าราคาสูงเกินไป เมื่อเทียบกับคอมพิวเตอร์อย่าง Macbook โดยเฉพาะเศรษฐกิจโลกกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งหากเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ อาจจะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ หมายความว่าคนจะไม่มีกำลังซื้อสินค้าที่มีราคาแพงเกินเอื้อมอีกต่อไป ดังนั้นสินค้าที่ดี มีราคาถูกจะเข้ามามีบทบาททางการตลาดในตอนนี้”
เมื่อถามถึงการที่ตั้งราคาต่ำ จะส่งผลอย่างไรต่อ Apple นายธันยวัชร์ กล่าวว่า “แน่นอนว่ายอดขายโดยรวมของ Apple จะต้องตกลง เนื่องจากภาวะเศรษฐิจย่ำแย่ทั่วโลก ดังนั้นการที่ Apple ออกสินค้าในราคาถูกซึ่งก็ไม่ใช่นโยบายใหม่ ดูได้จากการที่มี iphone SE รุ่นก่อนหน้านี้แล้ว จึ่งทำให้ Apple สามารถรักษาฐานตลาดระดับกลางไว้ได้ โดยต้องการให้เป็น iPhone เครื่องแรกเพื่อรอการต่อยอดไปยังตลาดระดับบนเมื่อสภาวะเศรษฐกิจดีขึ้น เพราะหากไม่ทำอย่างนี้ในท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ ผู้บริโภคอาจหันไปซื้อแบรนด์อื่นที่มีราคาถูกกว่า
หากจะพูดถึงผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ตอบได้เลยว่า ไม่มีผลเปรียบเทียบได้กับรถเบนซ์ที่สมัยก่อนมีอยู่ 2 รุ่นคือ E และ S คลาส แต่ปัจจุบันมี C คลาสที่ราคาย่อมเยาว์ลงมา แถมยังมี A คลาส ก็ไม่ทำให้ภาพลักษณ์เสื่อมเสีย เนื่องจากเลือกใช้การสร้างซีรีส์ของสินค้า ซึ่งราคาจะขึ้นอยู่กับซีรีส์ของสินค้า”
- เหตุใด Apple ถึงสามารถครองใจสาวก
นายธันยวัชร์ เผยว่า “แบรนด์และดีไซน์ เพราะคุณภาพทุกวันนี้ไม่ได้แตกต่างกันมาก คนเราจะมองว่าถ้าใช้ Apple แล้วจะดูหรู ดูเหนือกว่าคนอื่น และดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งใครเห็นก็สามารถรู้ได้ว่าเป็น iPhone อย่างประเทศจีนถ้าเป็นเจ้าของธุรกิจจะใช้ iPhone แต่ถ้าเป็นพนักงานจะใช้แบรนด์อื่น สมาร์ทโฟนทุกวันนี้ไม่ได้เป็นแค่อุปกรณ์สื่อสารอีกต่อไป แต่เป็นสัญลักษณ์แสดงออกซึ่งสถานภาพ และฐานะทางสังคม”
- การปรับลดราคาลดของไอโฟนเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงอะไร
“แน่นอน เป็นการบอกว่าเศรษฐกิจแบบนี้สินค้าจะต้องมีความคุ้มค่า คุ้มราคา ถึงจะทำให้ตลาดใหญ่ยอมรับ พฤติกรรมผู้บริโภคจะเปลี่ยน โดยจะมีกลุ่มหนึ่งเปลี่ยนพฤติกรรมแบบ 180 องศา คือจากเคยกินก็จะไม่กิน เคยใช้ก็จะไม่ใช้ เคยซื้อก็จะไม่ซื้อ อีกกลุ่มหนึ่งยกตัวอย่างจากเคยเที่ยวยุโรปก็จะค่อยๆ ลดลงเป็นเที่ยวประเทศเพื่อนบ้าน หรือเที่ยวในไทยแทน หรือจากเคยซื้อ iPhone ราคาแพงๆ ก็จะหันมาซื้อแบรนด์อื่นที่ราคาถูกกว่า คือจะลดมาตรฐานการบริโภคลงเนื่องจากรายได้ที่ลดลง โดยกลุ่มนี้คาดว่าจะไม่ซื้อ iPhone SE แต่จะชะลอการซื้อเครื่องใหม่ นับแต่นี้ไปคนจะใช้มือถือเครื่องเดิมนานยิ่งขึ้นอย่างน้อย 3-4 ปี ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ เช่น มีการใช้ 5G กันจนเป็นมาตรฐาน” นักการตลาดขาโหดกล่าว
เมื่อถามว่าควรซื้อ iPhone SE หรือไม่ นายธันยวัชร์ วิเคราะห์อย่างตรงไปตรงมาว่า “ก่อนอื่นจะต้องคำนึงถึงที่มาของรายได้เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยการทำมาหากินยากลำบาก ดังนั้นสินค้าที่ไม่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิตควรพึงระวังให้ดี เนื่องจากเราไม่ทราบว่าแหล่งที่มาของรายได้ในตอนนี้จะมั่นคงหรือไม่ ควรจะรักษาเงินสดให้สามารถอยู่ได้อย่างน้อย 5-6 เดือนโดยไม่มีงานทำเผื่อกรณีสถานการณ์เลวร้ายกว่านี้
แนะนำว่าอย่าเพิ่งซื้อ ถ้าโทรศัพท์ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ย่ำแย่จริงๆ หรือหากจำเป็นต้องซื้อ ก็แนะนำให้ซื้อโทรศัพท์ที่คุ้มค่าคุ้มราคา และโทรศัพท์ 1 เครื่องควรจะใช้อย่างน้อย 3 ปี ฉะนั้นเป็นไปได้อย่าเพิ่งซื้อจนกว่าจะมี 5G ให้บริการ เพราะถ้าซื้อตอนนี้แล้วในอนาคตพอมี 5G ท่านก็จะต้องซื้อใหม่อีก”