เจาะลึกความปังของแอร์ Gree แบรนด์ดังอันดับหนึ่งที่ครองตลาดระดับนานาชาติ #แอร์กรีแบรนด์ดีระดับโลก

         ลมร้อนได้พัดมาแล้วช่วงผลัดเปลี่ยนฤดูแบบนี้สิ่งที่ผู้บริโภคตาดำๆ ต้องการคงจะหนีไม่พ้นเครื่องปรับอากาศที่จะช่วยดับอาการหัวร้อน เห้ย! ไม่ใช่ๆ อากาศร้อน ผู้บริโภคอย่างเราๆ ก็เตรียมหาแบรนด์แอร์ที่ถูกใจ มีระบบที่อำนวยความสะอาดครบครันประหยัดไฟ และที่สำคัญต้องเย็นฉ่ำ ช่วงนี้แหละแต่ละแบรนด์เค้าก็จะโปรโมทจุดเด่นของตัวเองสุดฤทธิ์ ก่อนจะตัดสินใจซื้อก็ต้องหาข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณาว่าแบรนด์ที่เลือกตอบโจทย์การความต้องการหรือไม่ เพราะสิ่งที่ดีที่สุดในช่วงหน้าร้อนคือนอนตากแอร์ดูซีรีส์อยู่บ้านให้ชื่นใจนั้นเอง

10 เหตุผลที่แอร์ Gree ครองใจตลาดระดับนานาชาติไปดูกันว่ามีอะไรบ้าง?

1. 1 . ความปังอย่างแรกเลยคือกำลังการผลิตของแอร์ Gree เนื่องจากแบรนด์ผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยกำลังการผลิตสำหรับที่อยู่อาศัยกว่า 60 ล้านเครื่องต่อปี และกำลังการผลิตสำหรับใช้ในเชิงพาณิชย์กว่า 2 ล้านเครื่องต่อปี จึงได้ชื่อว่าเป็นรายใหญ่แห่งการผลิตที่มากกว่าแบรนด์อื่นในท้องตลาด
    
2. 2 . มีฐานการผลิตที่ใหญ่และครอบคลุมประเทศใหญ่ๆ 4 ประเทศ ได้แก่ ประเทศจีนที่มีแหล่งผลิตด้วยกัน 6 แห่ง คือ เมืองจูไห่(Zhuhai) ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่, เมืองชองควิง(Chongqing), เหอเฟย(Hefei), เจิ้งโจ(Zhenzhou), อู่ฮั่น(Wuhan),ฉือเจียจวง(Shijazhuang)  ประเทศบราซิล, ปากีสถาน และเวียดนาม โดยมีเจ้าหน้าที่ชำนาญงานรวมทั้งหมดกว่า 80,000 คน
    
3. 3 . ใส่ใจเรื่องเทคโนโลยีเป็นอย่างยิ่ง เพราะหัวใจสำคัญของเครื่องปรับอากาศคือต้องมีนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเพื่อตอบโจทย์กับการใช้งานในสมัยนี้ จึงได้มี 4 สถาบันวิจัยด้านการทำความเย็น มีห้องทดสองผลิตภัณฑ์กว่า 400 ห้อง ไว้เพื่อทดสอบประสิทธิภาพ

4. 4 . ทุ่มเทและทุ่มทุนอย่างไม่หยุดยั้ง จึงลงทุนด้วยเม็ดเงินมหาศาลกว่า 2 หมื่นล้านบาท ในปี 2012 เพื่อขยายพื้นที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาที่เมืองจูไห่ด้วยพื้นที่กว่า 1 แสนตารางเมตร ทั้งหมดนี้เพียงเพราะอยากจะพัฒนาระบบ นวัตกรรมและเทคโนโลยีต่างๆ ให้ก้าวไกลเพื่อให้สินค้าออกมามีคุณภาพที่ดีที่สุด
    
5. 5 . คุณภาพและมาตรฐานที่ได้รับการการันตีจากยอดขายทั่วโลกกว่า 250 ล้านคน ที่ให้กระแสตอบรับไปในทิศทางที่ดี ในส่วนของการรับรองคุณภาพและมาตรฐาน ก็มีหน่วยงานและสถาบันรับรองมาตรฐานระดับโลกจำนวนมากมายออกมายืนยันเพื่อเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าได้มาตรฐานระดับโลกอย่างแน่นอน
    
6. 6 . เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าปัจจุบันภายในโรงงานผลิตได้นำ Robot มาผลิตสินค้าและควบคุมมาตรฐานให้ได้มาตรฐาน 100% และยังมีทีมวิศวกรกว่า 5,000 คน ที่คอยควบคุมการผลิตและพัฒนาสินค้า ด้วยการออกฟังก์ชั่นการใช้งานที่สะดวกสบาย อย่าง Smart Life Function ที่สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่อตอบสนองความความสะดวกในยุค 4.0
    

7. 7 . เรื่องของความคุ้มค่าและความอัจฉริยะก็มาเต็มสุดๆ มีนวัตกรรมล้ำหน้าที่สามารถสั่งงานผ่าน WiFi ได้แล้วด้วยการตั้งค่าผ่านสมาร์ทโฟนของคุณ แถมยังช่วยประหยัดไฟเบอร์ 5 สูงสุด 3 ดาว ทำงานเงียบไร้เสียงรบกวน และที่สำคัญเย็นเร็วด้วยระบบ Turbo Cooling Inverter พร้อมรับประกันคอมเพรสเซอร์ 10 ปี ประกันอะไหล่อีก 5 ปี
    
8. 8 . ยอดขายถล่มทลายด้วยการส่งออกไปทั่วโลกกว่า 120 ประเทศที่ใช้แอร์ Gree และมียอดขายอันดับ 1 ในประเทศจีน ซึ่งครองส่วนแบ่งทางการตลาดไปมากกว่า 50% ได้รับความนิยมขนาดที่เมืองจูไห่ของประเทศจีนใช้แอร์ Gree กันทั้งเมือง นอกจากนี้ในปี 2014 มียอดขายรวมกว่า 7 แสนล้านบาท ซึ่งเติบโตกว่าปี 2013 ถึง 16.63
    
9. 9 . ตอกย้ำคุณภาพจากนิตยสาร Forbes ที่ได้จัดอันดับ 2,000 บริษัทชั้นนำทั่วโลก ในปี 2013 ซึ่งแอร์ GREE อยู่ในอันดับ 668 ที่ถือว่าเป็นบริษัทที่เติบโตอย่างรวดเร็วตั้งแต่เริ่มธุรกิจมาในปี 1991

10. 10 . ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคที่ประเทศบราซิลปี 2016 แอร์ Gree ได้รับเลือกให้เป็น Official supplier จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคุณภาพของแอร์ Gree เป็นที่ยอมรับระดับนานาชาติจริงๆ อย่างในประเทศไทยเอง ตามหน่วยงานและสถานที่ต่างๆ ก็เลือกแอร์ Gree เช่น ศูนย์วัฒนธรรมจีน กรุงเทพฯ​หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน ตึกถาวรวัตถุ เป็นต้น
     

         สุดท้ายนี้ที่เหนือไปกว่าที่กล่าวมาทั้งหมดคือแอร์ Gree เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของแบรนด์ Air-conditioner ชั้นนำด้วยกันถึง 9 แบรนด์ และนี่ก็เป็นข้อมูลเจาะลึกที่นำเพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนซื้อแอร์ในหน้าร้อนนี้และหวังว่าจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับทุกคนนะคะ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/GreeTHOfficial/