ศูนย์บริหารโควิด-19 รัฐบาล เคาะเลื่อนวันหยุดสงกรานต์ 13-15 เม.ย.ไม่มีกำหนด หวั่นเชื้อระบาดเป็นวงกว้าง ย้ำไทยยังไม่เข้าระยะ 3 เตรียมระดมทีมแพทย์-พยาบาลเกษียณ เป็นจิตอาสารองรับสถานการณ์ วิษณุ แจงไทยมีมาตรฐานเป็นของตัวเอง ไม่อิงต่างประเทศ ห่วงคนไทยต่างแดน นายกฯสั่งตั้งทีมไทยแลนด์ทั่วโลก
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ว่า ที่ประชุมเห็นตรงกัน สถานการณ์แพร่ระบาดขณะนี้ยังอยู่ในระยะที่ 2 ไม่เข้าสู่ภาวะระยะที่ 3 ซึ่งย้ำว่าเป็นไปตามเกณฑ์ ที่เรากำหนดมาตรฐานเอง ไม่ได้อิงจากต่างประเทศ ส่วนที่มีการแพร่เอกสารของกระทรวงมหาดไทยนั้น เป็นเพียงการเตรียมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ไม่ใช่ยกระดับเข้าระยะ 3 ในทางสาธารณสุข และขอทุกคน “โปรดอย่าอยู่ในความตื่นตระหนก” ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้เตรียมโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน รองรับสถานการณ์ที่จะมาถึง พร้อมระดมทีมแพทย์ และพยายามอาชีพ ทั้งของรัฐ- เอกชน รวมถึงที่เกษียณอายุไปแล้ว โดยจะพิจารณาให้ค่าตอบแทนพิเศษให้ผู้ปฏิบัติงาน
ส่วนเรื่องของหน้ากากอนามัย ได้เร่งการผลิตเป็นวันละ 2 ล้านชิ้น ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงว่ามีต่างประเทศพร้อมที่จะช่วยเหลือในส่วนของหน้ากากอนามัย -เวชภัณฑ์ อย่างชุดป้องกันเชื้อโรค ppe - ยา และ อุปกรณ์ทางการแพทย์ พร้อมระบุว่าขณะนี้ได้ยึดหน้ากากอนามัยของกลางที่เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายกว่า 1 ล้านชิ้นเข้าสู่ศูนย์โควิด เพื่อนำมาแจกจ่ายประชาชน โดยย้ำหากตรวจสอบผิดก็ว่าไปตามผิด แต่หากไม่มีความผิดรัฐก็พร้อมชดใช้ค่าเสียหายให้
ส่วนการยกเลิกวีซ่า VOA 18 ประเทศ และฟรีซ่าอีก 3 ประเทศ ตามมาตรการของรัฐบาล ได้กำชับกระทรวงการต่างประเทศ ติดต่อประสานงานไปยังประเทศต่างๆ แล้ว พร้อมดูแลคนไทยที่กระจายอยู่ในต่างประเทศ ทั้งข้าราชการ ประจำสถานทูต กว่า 1,500 คน - พระภิกษุสงฆ์ 1,500 รูป และแรงงานไทยอีก 1 แสนคน ซึ่ง นายกรัฐมนตรี ได้สั่งตั้งทีมไทยแลนด์ โดยให้เอกอัครราชทูตเป็นหัวหน้าทีมในการให้ความช่วยเหลือ ตลอดจนประสานข้อมูลกับประเทศต่างๆ
ส่วนการเดินทางเข้าประเทศ แม้จะยังไม่เข้าสู่ระยะ 3 แต่ก็จะมีมาตรการเข้มงวดมากขึ้น ขณะที่การประกาศประเทศเสี่ยง นอกจาก 4 ประเทศเพิ่มเติมนั้นจะต้องประเมินสถานการณ์เป็นรายวัน
นายวิษณุ ยังกล่าวถึงมาตรการในช่วงวันสงกรานต์ ว่า ได้เสนองดวันหยุดระหว่างในวันที่ 13-15 เมษายน โดยไม่ถือเป็นวันหยุดราชการไม่เป็นวันหยุดเอกชน และจะชดเชยวันหยุดให้กับประชาชน และผู้ใช้แรงงานในโอกาสอื่นภายในปีนี้ เมื่อสถานการณ์บางเบาลง ซึ่งจะประกาศให้ทราบล่วงหน้า เพื่อไม่ให้ประชาชนมีการเคลื่อนย้ายมากกว่าปกติ เพราะลดความเสี่ยง การนำพาหะไปแพร่เชื้อคนในครอบครัว รวมถึงการสังสรรค์ที่อาจมีการดื่มสุราในวงเดียวกัน ในแก้วเดียวกัน ถือเป็นป้องกันไม่ให้นำโรคไปติดคนในครอบครัว และป้องกันไม่ให้นำเชื้อในต่างจังหวัดขึ้นมาในกทม.
+ อ่านเพิ่มเติม