บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ประกาศทิศทางการดำเนินในปี 2563 โดยยึดหลักนโยบาย ‘สานต่อ ต่อยอด’ ผ่านกลยุทธ์ 3 Steps: Step Change-Step Out- Step Up เสริมฐานปิโตรเคมีไทยให้แข็งแกร่ง มุ่งขยายธุรกิจสู่ระดับโลกอย่างยั่งยืน ตามหลักการ “GC Circular Living” ไลฟ์สไตล์เปลี่ยนโลก ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยความยั่งยืน
ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC แถลงข่าวกล่าวว่า GC ประกาศทิศทางการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2563 โดยยึดหลักนโยบาย “สานต่อ ต่อยอด” ผ่านกลยุทธ์ 3 Steps: Step Change-Step Out- Step Up เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจเคมีภัณฑ์ระดับสากล เพื่อสร้างสรรค์คุณภาพชีวิต พร้อมดำเนินธุรกิจตามหลักการ “GC Circular Living” ไลฟ์สไตล์เปลี่ยนโลก ขับเคลื่อนธุรกิจด้วย
ผลการดำเนินงานปี 2562
สำหรับผลประกอบการในปี 2562 GC มีรายได้จากการขายรวม 409,688 ล้านบาท ปรับตัวลดลงร้อยละ 21 จากปีก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิ 11,682 ล้านบาท ปรับตัวลดลงร้อยละ 71 โดยมีปัจจัยหลักมาจากระดับราคาผลิตภัณฑ์เฉลี่ยที่ปรับตัวลดลง ซึ่งเป็นผลจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและผลกระทบจากประเด็นสงครามการค้าระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศจีน และปริมาณการขายที่ลดลงเนื่องจากมีการปิดซ่อมบำรุงตามแผนของหน่วยผลิตหลักในธุรกิจอะโรเมติกส์และธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน ประกอบกับค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่องในปีที่ผ่านมา
ความก้าวหน้าโครงการลงทุนในปี 2563
GC มีการขยายธุรกิจเพื่อต่อยอดโครงการลงทุนและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่อุตสาหกรรมปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐในการส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมในบริเวณพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC โดยปัจจุบันมีการลงทุนในโครงการหลักที่ตอบสนองนโยบาย New S-Curve ของภาครัฐ มีมูลค่าการลงทุนกว่า 100,000 ล้านบาท
ทิศทางการดำเนินงานในปี 2563 “สานต่อ ต่อยอด ” Mission in Action and Beyond
• Step Change: สานต่อสร้างบ้านให้แข็งแรง GC Group ก้าวสู่การเป็นผู้นำด้วยการสานต่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับฐานการผลิตปัจจุบันของบริษัทฯ ที่มาบตาพุด จังหวัดระยอง โดยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เพิ่ม Plant Reliability ให้อยู่ในระดับ 1st Quartile และ ต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจด้วยการขยายเข้าสู่ผลิตภัณฑ์ปลายน้ำและ High Value Business (HVB) รวมถึงการขยายตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งเดินหน้าโครงการลงทุนต่าง ๆ ตามแผนที่วางไว้ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในระดับภูมิภาค
• Step Out: สานต่อการขยายฐานธุรกิจแห่งที่ 2 (Second Home Base) ซึ่งมีศักยภาพในการแข่งขันด้านวัตถุดิบหรือการเติบโตของตลาด อาทิ การศึกษาโครงการลงทุนปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในสหรัฐฯ ที่มีศักยภาพและความพร้อมด้านวัตถุดิบ (Feedstock) และต่อยอดเข้าสู่ธุรกิจใหม่ ๆ ด้วย Mergers and Acquisitions (M&A) สร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด รวมทั้งการประสานการทำงานร่วมกัน (Synergy) ระหว่าง PTT Group
• Step Up: สานต่อแนวคิดการเติบโตอย่างยั่งยืน ตามหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ซึ่ง GC ได้ยึดถือเป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจและส่งเสริมให้นำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันตามแนวคิด GC Circular Living โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อความยั่งยืนสูงสุด และต่อยอดบูรณาการให้เกิดความยั่งยืน (Sustainability) ในทุกธุรกิจและกระบวนการของบริษัทฯ GC ได้ร่วมกับองค์กรพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน ผสานการทำงานร่วมกัน เช่น โครงการคุ้งบางกะเจ้าโมเดล โครงการเชียงรายโมเดล โครงการความร่วมมือกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โครงการ Waste this Way ในงานฟุตบอลประเพณี จุฬา-ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 74 และโครงการทดสอบและพัฒนาต่อยอดเครื่องบำบัดอากาศที่มีมลพิษและฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 เป็นต้น
ลด Single-use plastics
ดร.คงกระพัน กล่าวถึงมาตรการที่จีนจะแบนพลาสติก นั้น ไม่ส่งผลกระทบต่อการขายผลิตภัณฑ์ของ GC เนื่องจาก GC มีเป้าหมายที่จะยกเลิกการผลิต HDPE Film for Single-use plastics ให้หมดภายในปี 2565 และวางแผนขยายตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม (High Value Product: HVP) ในช่วงปี 2565-2568 เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับความต้องการในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาค CLMV ที่มียอดขายมากกว่า 250,000 ตันต่อปี สำหรับตลาดจีนนั้น ในปี 2562 GC มียอดขายเม็ดพลาสติก โพลิเอทิลีน (PE) ในตลาดจีนประมาณ 620,000 ตันต่อปีจำนวนนี้เป็น HDPE ประมาณ 186,000 ตันต่อปี โดยเป็น HDPE Film ประมาณ 76,000 ตันต่อปี GC ได้จัดแผนการลด HDPE Film for single use ตั้งแต่ปี 2561
Circular Economy in Action
สิ่งที่ GC มุ่งเน้นเพื่อสร้างความยั่งยืนมี 2 ประเด็นหลัก คือ 1) การลดก๊าซเรือนกระจก ซึ่งมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด 2) การนำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มาปรับใช้ ซึ่งครอบคลุมใน 3 ส่วนหลักได้แก่
•Smart Operating: สร้างธุรกิจรูปแบบใหม่ที่นำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการผลิต เพื่อช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและนำมาหมุนเวียนอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
• Responsible Caring: เป็นการพัฒนา ออกแบบผลิตภัณฑ์ให้มีความยั่งยืน เพื่อลดการใช้ทรัพยากรและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเกิดประสิทธิภาพการใช้งานยาวนานมากที่สุด โดยไม่ผลิตสิ่งที่ใช้แล้วทิ้ง
• Loop Connecting: เพิ่มพลังความร่วมมือกับผู้มีส่วนได้เสีย และเชื่อมต่อธุรกิจให้ครบวงจร โดยขยายความร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ ในการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมในชุมชน และเชื่อมต่อธุรกิจให้ครบวงจรในโครงการ Upcycling by GC อาทิ โครงการเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาพื้นที่คุ้งบางกะเจ้า โดย GC สนับสนุนในด้านการจัดการขยะ และยังได้ร่วมกับวัดจากแดงในการผลิตจีวรจากพลาสติกรีไซเคิล โครงการธนาคารทิ้ง-ไซเคิล (ThinkCycle Bank) โครงการ Waste This Way ร่วมจัดการขยะในงานฟุตบอลประเพณีจุฬา-ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 74 สามารถลดก๊าซเรือนกระจกได้จำนวน 18,121 กิโลกรัม เทียบเท่าการปลูกต้นไม้ จำนวน 2,013 ต้น โครงการทดสอบและพัฒนาต่อยอดเครื่องบำบัดอากาศที่มีมลพิษและฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 ที่ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือ (MOU) กับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อช่วยลดปัญหามลพิษทางอากาศให้กับประชาชน เป็นต้น
GC มุ่งมั่นในการผลิตเคมีภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีเป้าหมายชัดเจนในด้านการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas Emission) จากกระบวนการผลิตของบริษัทฯ โดยตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 20% ใน 10 ปีข้างหน้า (ปี 2573) เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการลดปัญหาภาวะโลกร้อน สอดคล้องกับเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย และยังตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 52% ภายในปี 2593 เพื่อสนับสนุนเป้าหมายของโลกในการควบคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 2 องศาเซลเซียส
ผลิตภัณฑ์ที่ GC ดำเนินการผลิต ได้รับการรับรองเครื่องหมาย Carbon Footprint และ Carbon Footprint Reduction จาก องค์การก๊าซเรือนกระจก (TGO) อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2554 จนถึงปัจจุบัน รวมทั้ง GC มีการวางเป้าหมายที่จะมีผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษและผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อสิ่งแวดล้อม (Performance & Green Chemicals) เพิ่มเป็น 30% ภายในปี 2573 และยกเลิกการผลิตเม็ดพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งใน 5 ปีข้างหน้าต่อไป นอกจากนี้ GC ยังได้รับการจัดอันดับเป็นสมาชิกในกลุ่มดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices) หรือ DJSI ปี 2019 โดยได้รับคะแนนสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของโลกด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน ด้วย Percentile 100 และอยู่ในระดับ Top 10 ของ DJSI World และ Emerging Markets ในกลุ่มเคมีภัณฑ์ (Chemical Sector) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7
รวมทั้งการส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ในการเรียนรู้เพื่อที่การจัดการและคัดแยกขยะ กับ GC Circular Living ไลฟ์สไตล์เปลี่ยนโลก ที่ทุกคนสามารถทำได้จริงเอาไปปรับใช้ มีส่วนรับผิดชอบต่อสังคมและในชีวิตประจำวัน รวมไปถึงการใช้ทรัพยากรบนโลกของเราอย่างรู้คุณค่า และเป็นประโยชน์สูงสุดต่อไปทั้งในปัจจุบันต่อไปในอนาคตอีกด้วย