เป็นเรื่องที่วิตกกังวลกันมากเรื่องโควิด-19 เพราะล่าสุด พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3 คน เป็นครอบครัวเดียวกัน ในจำนวนนี้คือปู่กับย่าที่เพิ่งเดินทางกลับจากฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ทำให้หลานอายุ 8 ขวบ ติดเชื้อไปด้วย
กระทรวงสาธารณสุข เผยข้อมูล ผลการตรวจยืนยัน พบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่ม 3 รายเป็นคนภายในคนครัวเดียวกัน เป็นปู่และย่า วัย 65 ปี ที่เพิ่งเดินทางกลับจากท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น โดยก่อนกลับมาพบมีอาการไข้และปอดอักเสบ และอีก 1 ราย เป็นเด็กวัย 8 ขวบ ซึ่งเป็นหลาน ขณะนี้มีอาการไข้ และเข้ารับการรักษาตัวในสถานพยาบาลของรัฐแล้ว
คุณปู่กับคุณย่าพากันไปเที่ยวฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 16-20 กุมภาพันธ์ 2563 และกลับมาถึงไทยเมื่อวันที่ 20 ก.พ. โดยสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบิน XJ621 ซัปโปโร-กรุงเทพฯ ต่อมา เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ปู่เป็นไข้และมีอาการไอ จึงไปหาหมอที่โรงพยาบาลบี.แคร์ เมดิคอลเซ็นเตอร์ แต่ไม่ยอมบอกหมอว่าเพิ่งกลับจากประเทศญี่ปุ่น สุดท้ายในตอนช่วงสายๆ ของวันที่ 24 ก.พ. ถึงได้ยอมรับว่าเพิ่งกลับจากญี่ปุ่น
โรงพยาบาลรีบย้ายคุณปู่ไปอยู่ห้องความดันลบแล้วตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ทันที ผลปรากฏว่าปู่เป็นผู้ติดเชื้อ จากนั้น เมื่อมีการตรวจเชื้อคนรอบข้าง พบว่าคุณย่าที่มาเฝ้าไข้ก็พลอยติดเชื้อไปด้วย และหลานอายุ 8 ขวบ ที่ไม่ได้เดินทางไปญี่ปุ่นด้วย แต่อยู่ใกล้ชิดคุณปู่คุณย่าก็ติดเชื้อไปด้วย
มีรายงานว่าครอบครัวนี้ นอกจากหลานอายุ 8 ขวบ ยังมีหลานอายุ 3 ขวบ อีก 1 คนด้วย และลูกชายของคุณปู่คุณย่าที่ทำงานอยู่ที่ธนาคารธนชาต สาขาย่านดอนเมือง แม้ว่าสธ.จะยืนยันว่าทั้ง 2 คนนี้ ไม่ใช่ ซูเปอร์สเปรดเดอร์ (Super-spreader) แต่สังคมก็เรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาตรการรับมือกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ทางสธ.สั่งเรียกให้ทุกคนที่อยู่ในเที่ยวบิน XJ621 ไปตรวจโรค และสั่งให้พนง.บนเครื่องหยุดงาน 14 วันเพื่อสังเกตอาการ เฝ้าระวัง ด้านโรงพยาบาลบี.แคร์ เมดิคอลเซ็นเตอร์ ก็สั่งกักตัวบุคลากรทางการแพทย์ 30 คน ที่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่ติดเชื้อนี้ ให้รอดูอาการ 14 วัน และสั่งปิดหอผู้ป่วยด้วย
ขณะที่รร.พระหฤทัยฯ ดอนเมือง ที่เป็นโรงเรียนที่หลานวัย 8 ขวบ กำลังเรียนอยู่ ปรากฏว่า ช่วงกลางวันเมื่อวาน (26 ก.พ. 63) หลังจากที่เป็นข่าว ผู้ปกครองหลายท่านรีบไปรับลูกหลานของตัวเองกลับบ้าน และมีหน่วยงานเข้าไปตรวจสอบและสั่งปิดรร. 14 วัน และมีการตรวจโรคเด็กนักเรียนร่วมห้อง 30 คน และครู 11 คน เพราะถือเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง พร้อมสั่งให้อยู่แต่ในบ้าน 14 วัน และงดไปในที่ชุมชน
ขณะที่ธนาคารธนชาต สาขาย่านดอนเมือง ซึ่งเป็นสถานที่ที่ลูกชายของคุณปู่คุณย่าทำงานอยู่ ต้องปิดทำการ 3 วัน แม้จะมีการตรวจว่าไม่พบเชื้อในผู้ชายคนนี้ก็ตาม
หลังจากที่มีข่าวดังกล่าวนี้ออกมา ชาวเน็ตหลายคนก็เรียกร้องให้คนที่เดินทางไปประเทศกลุ่มเสี่ยงกักตัวเองอยู่ในบ้าน ดูอาการ 14 วัน อย่างเพจ Drama-addict โพสต์ถึงคนที่วางแผนเดินทางไปประเทศกลุ่มเสี่ยง หากไม่ยกเลิก เมื่อผ่านด่านเทอร์โมแสกน อย่ากินยาลดไข้เพื่อปิดบังอาการหวัด และควรกักตัวอยู่ที่บ้านดูอาการ 14 วัน เช่นเดียวกันกับเพจหมอแล็บแพนด้า ที่บอกว่า หากไปเที่ยวก็ต้องบอกความจริง อย่าโกหกหมอ เพราะจะเสี่ยงกับคนอื่นไปด้วย
ขณะที่รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข โพสต์เฟซบุ๊กว่า เราจะสู้ไปด้วยกันและขอความร่วมมือจากประชาชน หลังประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตราย จะมีมาตรการที่สูงขึ้น พร้อมกับบอกว่าการปกปิกข้อมูลอาจทำร้ายคนในครอบครัว เรากำลังเข้าสู่สงครามโควิด-19 ประชาชนคือแนวร่วมที่สำคัญ
ด้านนายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา 1 ในคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ บอกว่า คนที่ไปต่างประเทศเสี่ยงต้องดูแลตัวเอง แม้ไม่มีอาการก็ต้องกักตัว รับผิดชอบต่อสังคม ไม่อยากบังคับใช้กฎหมายพรบ.โรคติดต่ออันตราย แต่ว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนควรทำ ซึ่งพรบ.ดังกล่าวนี้มีทั้งโทษปรับและจำคุก
ขณะที่ไทย ตอนนี้เฝ้าระวังต่างชาติ และต่างชาติก็เฝ้าระวังนักเดินทางจากไทยเช่นกัน อย่างประเทศอังกฤษและคาซัคสถาน หากพบคนไทยมีอาการป่วยจะกักตัวเฝ้าระวัง 14 วัน ส่วนอิสราเอล สหรัฐอาหรับแอมิเรตส์ คูเวต บาห์เรน อิรัก มีคำสั่งห้ามคนไทยเข้า ด้านเกาหลีใต้ ตอนนี้เตือนประชาชนให้ระวัง หากเดินทางมาจากไทย
จากกรณีที่โลกออนไลน์แชร์ข้อความว่า มหาลัยหิดลศาลายามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทางกองกายภาพและสิ่งแวดล้อมถูกส่งหยุดงานทั้งคณะ ผู้ป่วยส่งตัวไปที่โรงพยาบาลแล้ว ท่านใดจะเข้าไปในพื้นที่มหาวิทยาลัย โปรดป้องกันตัวเองด้วย ล่าสุด ทางอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ชี้แจงแล้วว่า ตอนแรกพบผู้ป่วยต้องสงสัยจริง แต่ผลตรวจออกมาแล้วว่าไม่พบการติดเชื้อ