เจ้าหน้าที่ตำรวจสนธิกำลังเข้าจับกุม แก๊งอุ้มบุญข้ามชาติ ที่รับจ้างตั้งครรภ์ ก่อนจะส่งเด็กทารกไปยังต่างประเทศ ในพื้นที่ กทม. รวม 10 จุด พบสาวรับจ้างท้อง 30 คน
กองบังคับการตำรวจมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 904 พลตำรวจตรีต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วย พลตำรวจตรวรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ พร้อมด้วย กำลังเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน สนธิกำลัง เปิดปฏิบัติการทลายเครือข่ายแม่อุ้มบุญ ที่รับจ้างตั้งครรภ์ ก่อนจะส่งเด็กทารกไปยังต่างประเทศ
โดยจุดแรก พลตำรวจตรีต่อศักดิ์ นำกำลัง พร้อมหมายจับ เข้าไปตรวจค้น ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในซอยนาคนิวาส 37 พบผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ในข้อหา สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดร้ายแรงอันเกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และร่วมกันดำเนินการให้มีการตั้งครรภ์แทน เพื่อประโยชน์ทางการค้า
ขณะที่จุดที่ 2 อยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน ซึ่งเป็นบ้านที่มีหญิงสาว อยู่รวมกัน 8 คน และเด็กทารกแรกเกิด เพศชาย อายุเพียง 10 วัน โดยหญิงสาว 7 คนเป็นหญิงสาวที่มารับจ้างอุ้มบุญ มี 1 คน ที่ตั้งท้องได้ 8 เดือน ส่วนที่เหลือ อยู่ระหว่างการรอเตรียมการตั้งครรภ์ นอกจากนี้ยังพบเครื่องมือ อบเด็กที่ใช้ในทางการแพทย์ อยู่ในบ้านหลังนี้
ส่วนชุดคอมมานโดอีก 1 ชุดได้เข้าตรวจค้นบ้านพัก ภายในซอยทาวน์อินทาวน์ ซึ่งเป็นบ้านขนาดใหญ่สูงสี่ชั้น โดยชุดคอมมานโด ได้เข้าตรวจค้นภายในอาคารดังกล่าว ซึ่งเปิดเป็นอาคารสำนักงาน พบบริเวณชั้น 2 และ3 ถูกแบ่งเป็นห้องพักฟื้นรวมกว่า 7 ห้อง ภายในห้องที่อยู่บริเวณชั้นสองพบเด็กหญิงอายุประมาณ 4 เดือน อยู่ภายในห้อง
ขณะที่มีชายภายในบ้าน อ้างว่าเป็นลูกของตนเอง แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อให้นำหลักฐานมาแสดง ก่อนที่จะประสานกรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์มาทำการตรวจสอบ ก่อนที่จะนำตัวเด็กดังกล่าวไปพร้อมพี่เลี้ยงเด็ก ไปดูแลอย่างบ้านพักเด็กกรุงเทพ
ขณะที่ชุดตรวจค้นอีกหนึ่งชุด ซึ่งได้มีการสนธิกำลังระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ และเจ้าหน้าที่คอมมานโด ได้เข้าตรวจค้นอาคารที่พักสูงสี่ชั้น ห่างจากอาคารสำนักงานประมาณ 200 เมตร มีลักษณะเป็นห้องพักคล้ายโรงแรม พบหญิงสาวอีก 6 คน บางคนยอมรับว่าพึ่งได้รับการฝังตัวอ่อนเข้าไปในครรภ์ โดยจะใช้เวลาพักฟื้นประมาณหนึ่งเดือน และมีการดูแลอย่างเต็มที่ก่อนที่จะให้กลับไปพักยังบ้านเกิดเพื่อรอกำหนดคลอด โดยได้ค่าจ้างรายละ 500,000 ถึง 700,000 บาท
จากแหล่งข่าวเผยว่าสถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งรับแม่อุ้มบุญ โดยจะจัดทำในลักษณะเป็นกรุ๊ปทัวร์ชาวต่างประเทศ เดินทางเข้ามายังในประเทศไทยเพื่อทำการผสมตัวอ่อน และจะทำการตรวจหาแม่อุ้มบุญที่มีดีเอ็นเอใกล้เคียง เพื่อนำไปฝังตัวอ่อนในโรงพยาบาล ภายหลังที่มีการฝังตัวอ่อนแล้วจะนำตัวแม่อุ้มบุญมาทำการดูแลยังสถานที่พักฟื้นที่จัดเตรียมไว้ให้เป็นอย่างดี จนกระทั่งตัวอ่อนได้ทำการฝังภายในครรภ์ จนกระทั่งเมื่อครบกำหนดใกล้คลอด จะมีการนำแม่อุ้มบุญเดินทางไปคลอดยังต่างประเทศ
พลตำรวจตรีต่อศักดิ์ เผยปฎิบัติการในครั้งนี้จากการสืบสวนพบว่า เป็นขบวนการอุ้มบุญข้ามชาติ โดยมีนายทุนชาวจีน เป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย จัดหาหญิงสาว มารับจ้างตั้งครรภ์ จัดหาที่พัก การตรวจสุขภาพ จนกระทั่ง ไปคลอด ขบวนการนี้เจ้าหน้าที่มีการสืบสวนมา หลายเดือนและวางแผนก่อนเข้าปฏิบัติการ ในวันนี้ ถือเป็นการทลายเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติอีกรูปแบบหนึ่ง
ขณะที่ผู้บังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ ระบุว่า จากการแกะรอยเส้นทางของขบวนการนี้ พบว่า ทำมาตั้งแต่ปี 2555 โดยจะมีนายหน้า มาติดต่อ หญิงสาว เพื่อรับอุ้มบุญ หรือ รับจ้างตั้งครรภ์ ตกลงราคา ตั้งแต่ 4-6 แสนบาท แต่หาก เป็นลูกแฝด จะได้มากกว่านี้ แต่หลังจากประเทศไทย พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. 2558 หรือ พรบ.อุ้มบุญ ขบวนการนี้ จึงเปลี่ยน เส้นทาง โดยให้หญิงสาว ที่รับจ้างอุ้มบุญ ไป ฉีดเสปิร์ม ที่ประเทศเพื่อนบ้าน และกลับมาประเทศไทย และเมื่อใกล้ครบกำหนดคลอด ก็จะเดินทาง ไปคลอดที่ประเทศจีน และตัวแม่เด็ก ก็จะเดินทางกลับมาเพียงลำพัง จากนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะมีการประสานผ่านช่องทางต่างประเทศ ไปยังทางการจีนว่า เด็กที่ คลอดจากแม่อุ้มบุญไปอยู่ที่ไหนอย่างไร
จากการสืบสวน ของทางเจ้าหน้าที่พบว่า ขบวนการนี้ ว่าจ้างหญิงสาวในการเป็นแม่อุ้มบุญ ประมาณ 30 คน กระจายอยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ ประมาณ 5 จังหวัด
สำหรับปฏิบัติการในครั้งนี้มีการบุกเข้าตรวจค้น 10 จุดเพื่อจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 10 หมาย ที่เกี่ยวข้องและเชื่อมโยงกับขบวนการเครือข่ายอุ้มบุญ และจากนี้เจ้าหน้าที่จะได้มีการสืบสวนขยายผลเพื่อติดตามเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติขบวนการนี้เพิ่มเติมต่อไป