ไม่ใช่เรื่องง่าย จับคนร้ายชิงทอง คดีชิงทอง  216 บาท ก็ยังค้างอยู่..?
logo TERO HOT SCOOP

ไม่ใช่เรื่องง่าย จับคนร้ายชิงทอง คดีชิงทอง 216 บาท ก็ยังค้างอยู่..?

1,878 ครั้ง
|
15 ม.ค. 2563

 

หลายคนเอาใจช่วยตำรวจชุดสืบสวนคลี่คลายคดีกราดยิงชิงทองลพบุรี ยิงคนตายไป 3 ศพ เจ็บ 4 ราย เรียกได้ว่าไล่ล่ากัน วันต่อวัน แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่หากจำกันได้ คดีที่มีหลักฐานและข้อมูลคนร้ายอยู่พอสมควรแต่ก้ยังจับไม่ได้ ย้อนกลับไปเมื่อปีที่แล้ว คดีชิงทองร้านออโรร่า ในห้างสรรพสินค้า ย่านพระราม 4 ได้ทองไป 216 บาท คนร้ายก้ยังลอยนวล เราไปย้อนดูเหตุการนี้กัน 

    - 7 มีนาคม 2562 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ รับแจ้งเหตุคนร้าย บุกจี้ชิงทอง ร้านทอง AURORA ภายในห้างสรรพสินค้า ย่านพระราม 4 ที่เกิดเหตุ เป็นร้านทอง AURORA ตั้งอยู่บริเวณชั้น 1 ของห้างสรรพสินค้า ใกล้กับศูนย์อาหาร สอบสวนทราบว่า คนร้ายเป็นชาย 1 คน รูปร่างผอมสูง สวมวิกผม สวมกางเกงขายาว ใช้อาวุธปืนเข้าไปก่อเหตุ โดยจี้บังคับพนักขาย ก่อนจะกระโดดข้ามเคาท์เตอร์ไปกวาดสร้อยทองที่แขวนอยู่ภายในตู้

  น.ส.จุฑารัตน์ สายเท้าเอี้ยน พนักงานร้านทอง ที่ถูกคนร้ายชิงทรัพย์ เล่าเหตุการณ์ว่า คนร้ายเป็นชาย แต่สวมวิกผม สวมหน้ากากอนามัย แต่งหน้าและแต่งกายคล้ายผู้หญิง สูงประมาณ 170 เซนติเมตร เดินเข้ามาในร้าน ก่อนที่จะโชว์ให้เห็นว่ามีปืน และพูดว่า เอาทองมา ด้วยสำเนียงภาคกลาง พร้อมขู่ว่าถ้าไม่ทำตามจะกดระเบิด จากนั้นคนร้ายได้ส่งถุงพลาสติกมาให้ใส่ทอง โดยระบุเจาะจงว่า ต้องการเฉพาะทองรูปพรรณที่โชว์อยู่ด้านบนของตู้ ซึ่งแต่ละเส้นจะมีน้ำหนัก 2 บาท ด้วยความกลัวจึงทำตามที่คนร้ายสั่งหลังจากคนร้ายเดินออกไป ตนและพนักงานอีกคนจึงกดกริ่งสัญญาณ ทั้งนี้จำได้ว่า ก่อนเกิดเหตุประมาณ 1 ชั่วโมง คนร้ายรายนี้ได้เดินมาดูลาดเลา 2 ครั้ง สาเหตุที่จำได้ เพราะแต่งกายแปลกตา ลักษณะเหมือนผู้ชาย แต่กลับสวมเสื้อชั้นในแบบสุภาพสตรี

  ขณะที่ชุดสืบสวน สน.ทองหล่อ ลงพื้นที่ติดตามเบาะแสคนร้ายพบว่า คนร้ายได้ขี่รถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า ฟีลาโน่ สีเหลือง มาจอดไว้ใกล้กับร้านคาร์แคร์ บริเวณทางเข้าฝั่งซอยอรรถกระวี 3 ประมาณช่วง 12.00 น. ก่อนที่จะลงมือในเวลาประมาณเกือบ 16.00 น. เมื่อก่อเหตุเสร็จได้เดินออกไปทางประตูอีกฝั่ง ด้านที่ติดกับซอยอรรถกระวี 1 แล้วจึงวิ่งอ้อมมาเอารถจักรยานยนต์หลบหนีไป โดยระหว่างหลบหนีออกมา คนร้ายได้ทำโทรศัพท์มือถือตก ก่อนจะก้มลงเก็บอย่างใจเย็น แล้วจึงหลบหนีไป เบื้องต้นคนร้ายกวาดทองรูปพรรณไปได้ประมาณ 215 บาท  

    ทั้งนี้ สำหรับพี่น้องประชาชนท่านใดทราบเบาะแสหรือมีข้อมูลของคนร้าย สามารถแจ้งได้ที่ ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ศปก.ตร.) โทร.1599 หรือ สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ โทร. 02-3902242  ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

 -8 มีนาคม 2562 -ตำรวจตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด หน้าร้านทองจับภาพของคนร้าย ขณะใช้ปืนลูกโม่ เล็งไปยังพนักงานร้าน และโยนถุงพลาสติกสีขาว ให้พนักงานของร้าน กวาดสร้อยคอทองคำที่อยู่บนแผงเก็บทองในร้านใส่ในถุง น้ำหนักรวม 216 บาท มูลค่ากว่า 4 ล้านบาท  ก่อนหลบหนีไป

 -ที่สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ พลตำรวจเอก เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผย หลังการประชุมติดตามความคืบหน้าคดี คนร้ายชิงทองน้ำหนัก 216 บาท จากร้านทองที่อยู่ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านพระราม 4 โดยระบุว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการแกะรอยเส้นทางของคนร้ายที่ก่อเหตุ เบื้องต้นมาก่อเหตุเพียงคนเดียว ขณะนี้สั่งการให้ชุดสืบสวนดูเส้นทางก่อน และหลังการก่อเหตุ รวมถึงตรวจสอบว่าเคยมาดูลาดเลาก่อนหรือไม่

 -ทั้งนี้จากข้อมูลของชุดสืบสวน พบว่า หลังก่อเหตุคนร้ายได้เดินไปขึ้นรถจักรยานยนต์ ที่จอดไว้บริเวณด้านหลังห้าง ส่วนที่ วินรถจักรยานยนต์รับจ้าง ให้ข้อมูลกับชุดสืบสวนว่าจดจำคนร้ายรายนี้ได้ เนื่องจากหลังก่อเหตุได้จ้างไปลงที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์นั้น คาดว่าเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของวินรายดังกล่าว แต่ทั้งนี้ก็ยังไม่ตัดข้อมูลใดทิ้ง เพราะยังเป็นประโยชน์ต่อคดี

-อย่างไรก็ตามจะมีการตรวจสอบแผนประทุษกรรม ของคนร้ายรายอื่นที่เคยก่อเหตุในพื้นที่ต่างๆ เพื่อมาเทียบเคียงกับกรณีที่เกิดขึ้น โดยส่วนตัวยังเชื่อว่าคนร้ายรายนี้ ยังคงหลบหนีอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล    -โดยหลังการประชุมรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ลงพื้นที่เกิดเหตุบริเวณร้านทอง ย่านพระราม 4 

 - 9 มีนาคม 2562 ตำรวจพบรถคนร้าย..  ตำรวจชุดสืบสวน พบรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า ฟิลาโน่ สีเหลือง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ จอดทิ้งอยู่ที่ลานจอดรถใต้ถุน ห้างสรรพสินค้าเกตเวย์ ซอยสุขุมวิท 42 ก่อนเปลี่ยนรถหลบหนี ซึ่งได้ประสานให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานมาเก็บหลักฐานเพื่อเป็นเบาะแสในการติดตามคนร้าย ก่อนนำรถจักรยานยนต์มาเก็บไว้ที่ สน.ทองหล่อ

  12 มีนาคม 2562 ตำรวจตั้งรางวัลนำจับ 30,000 บาท...  พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ขณะนี้ฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างแกะรอยเส้นทางหลบหนีของคนร้าย ว่ามีการเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังก่อเหตุในจุดใด รวมถึงติดตามตัววินรถจักรยานยนต์ที่ช่วยพาหลบหนี หลังเปลี่ยนยานพาหนะจากรถแท็กซี่ไปขึ้นรถจักรยานยนต์รับจ้าง

ส่วนรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ ที่ตรวจยึดได้ ภายในห้างสรรพสินค้าเกตเวย์ ย่านเอกมัย จากการสอบสวนเจ้าของรถจักรยานยนต์มีความชัดเจนว่า คนร้ายได้เข้าไปขโมย ออกมาจากบ้านย่านซอยอ่อนนุช 17 เมื่อเวลา 3 นาฬิกา ของวันที่ 7 มีนาคม ก่อนที่จะมาก่อเหตุ แล้วขับรถไปจอดที่ห้างสรรพสินค้าเกตเวย์ ก่อนที่จะเดินไปขึ้นรถสาธารณะ แล้วจากการสืบสวนพบว่าคนร้ายไปปรากฎตัวเดินเข้าไปในวัดพระราม 9 เป็นจุดสุดท้ายที่พบเบาะแส ส่วนเจ้าของรถจักรยานยนต์เชื่อว่าไม่มีส่วนรู้เห็นในการกระทำผิด 

ส่วนการตรวจสอบพฤติการณ์ใกล้เคียงกับการก่อเหตุในคดีนี้ พบว่าผู้ต้องหาคดีที่เคยก่อเหตุจี้ชิงทองห้างทองออโรร่า สาขาอื่นๆ และห้างทองเยาวราชกรุงเทพ ที่ผู้ต้องหาใช้วิธีปลอมแปลงใบหน้าไปก่อเหตุ พบว่าผู้ต้องหาทั้งสองคดีอยู่ระหว่างการควบคุมตัวในเรือนจำ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะขยายผลว่ามีคดีใดที่ก่อเหตุใกล้เคียงอีกหรือไม่

 สำหรับการขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหา ยืนยันว่ามีภาพเพียงพอไป แต่เจ้าหน้าที่ต้องการภาพที่จะเห็นใบหน้าชัดเจน ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานจากเจ้าของร้านทองออโรร่า และต้องการพิสูจน์ตัวตนให้ได้ชัดเจนก่อน จึงฝากถึงประชาชนหากพบเห็นเบาะแส ให้ช่วยแจ้งข้อมูลมายังตำรวจสืบสวนนครบาล ซึ่งผู้ใดที่ช่วยแจ้งเบาะแสนำไปสู่การจับกุมได้จะมีเงินรางวัลให้ 3 หมื่นบาท

 

  คดีนี้มีหลังฐานที่คนร้ายทิ้งไว้ อย่าง รถจักรยานยนต์ และมีกล้องวงจรปิด นับ 100 ตัว ที่จะติดตามเส้นทางการหลบหนีของคนร้าย แต่ปัญหาคือ ตำรวจไม่มี ตำหนิรูปพรรณคนร้ายที่แท้จริง หมายถึง ใบหน้าคนร้าย ลายนิ้วมือ หรือ ดีเอ็นเอ ที่จะระบุตัวบุคคลได้ แบบชนิดปฎิเสธไม่ได้ ไม่รวมเอาเรื่องของกลางทอง 216 บาท ที่คนร้ายได้ไป ตรวจสอบตลาดมืดหรือตลาดค้าทอง โรงจำนำ ก็ยังไม่มีเบาะแสว่าคนร้ายจะเอามาเปลียนเป็นเงิน

คดีนี้จึงเงียบไป หรือจางหายไปจากความสนใจของประชาชน และคนสืบสวนก็เงียบไป จึงเห็นได้ว่าการสืบสวนจับกุมคนร้ายชิงทอง ปล้นทอง ที่มีการเตรียมการมายังดี รู้เรื่องการปกปิดหลักฐาน และไม่ทิ้งล่องลอยหลักฐานเอาไว้ให้สืบสวนแกะลอยของเจ้าหน้าที่ ก็ใช้ว่าจะตามจับกันได้ง่ายๆ เช่นเดี่ยวกับคดี กราดยิงชิงทองที่ลพบุรี คนร้ายแทบไม่ทิ้งล่องลอยหลักฐาน เอาไว้ให้ตำรวจตามจับเลย ทั้ง ใบหน้า ลายนิ้มมือ ดีเอ็นเอ ทิ้งไว้แต่ล่องลอยหลักฐานเป็นวัตถุพยาน อย่างรอยรองเท้า กระสุนปืน และตำหนิรูปพรรณภายนอก ผ่านกล้องวงจรปิด เท่านั้น รถจักรยานยนต์ ก็ยังไม่พบ ตำรวจใช้ พลังโซเชียล หรือ มวลชนช่วยสืบด้วยการตั้งรางวัลนำจับหลายแสนบาท ก็นับว่าเป็นคดีที่ท้าทายฝีมือของตำรวจชุดคลี่คลายคดีนี้เป็นอย่างมาก

 

หลายคนเอาใจช่วยตำรวจชุดสืบสวนคลี่คลายคดีกราดยิงชิงทองลพบุรี ยิงคนตายไป 3 ศพ เจ็บ 4 ราย เรียกได้ว่าไล่ล่ากัน วันต่อวัน แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่หากจำกันได้ คดีที่มีหลักฐานและข้อมูลคนร้ายอยู่พอสมควรแต่ก้ยังจับไม่ได้ ย้อนกลับไปเมื่อปีที่แล้ว คดีชิงทองร้านออโรร่า ในห้างสรรพสินค้า ย่านพระราม 4 ได้ทองไป 216 บาท คนร้ายก้ยังลอยนวล เราไปย้อนดูเหตุการนี้กัน 

    - 7 มีนาคม 2562 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ รับแจ้งเหตุคนร้าย บุกจี้ชิงทอง ร้านทอง AURORA ภายในห้างสรรพสินค้า ย่านพระราม 4 ที่เกิดเหตุ เป็นร้านทอง AURORA ตั้งอยู่บริเวณชั้น 1 ของห้างสรรพสินค้า ใกล้กับศูนย์อาหาร สอบสวนทราบว่า คนร้ายเป็นชาย 1 คน รูปร่างผอมสูง สวมวิกผม สวมกางเกงขายาว ใช้อาวุธปืนเข้าไปก่อเหตุ โดยจี้บังคับพนักขาย ก่อนจะกระโดดข้ามเคาท์เตอร์ไปกวาดสร้อยทองที่แขวนอยู่ภายในตู้

  น.ส.จุฑารัตน์ สายเท้าเอี้ยน พนักงานร้านทอง ที่ถูกคนร้ายชิงทรัพย์ เล่าเหตุการณ์ว่า คนร้ายเป็นชาย แต่สวมวิกผม สวมหน้ากากอนามัย แต่งหน้าและแต่งกายคล้ายผู้หญิง สูงประมาณ 170 เซนติเมตร เดินเข้ามาในร้าน ก่อนที่จะโชว์ให้เห็นว่ามีปืน และพูดว่า เอาทองมา ด้วยสำเนียงภาคกลาง พร้อมขู่ว่าถ้าไม่ทำตามจะกดระเบิด จากนั้นคนร้ายได้ส่งถุงพลาสติกมาให้ใส่ทอง โดยระบุเจาะจงว่า ต้องการเฉพาะทองรูปพรรณที่โชว์อยู่ด้านบนของตู้ ซึ่งแต่ละเส้นจะมีน้ำหนัก 2 บาท ด้วยความกลัวจึงทำตามที่คนร้ายสั่งหลังจากคนร้ายเดินออกไป ตนและพนักงานอีกคนจึงกดกริ่งสัญญาณ ทั้งนี้จำได้ว่า ก่อนเกิดเหตุประมาณ 1 ชั่วโมง คนร้ายรายนี้ได้เดินมาดูลาดเลา 2 ครั้ง สาเหตุที่จำได้ เพราะแต่งกายแปลกตา ลักษณะเหมือนผู้ชาย แต่กลับสวมเสื้อชั้นในแบบสุภาพสตรี

  ขณะที่ชุดสืบสวน สน.ทองหล่อ ลงพื้นที่ติดตามเบาะแสคนร้ายพบว่า คนร้ายได้ขี่รถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า ฟีลาโน่ สีเหลือง มาจอดไว้ใกล้กับร้านคาร์แคร์ บริเวณทางเข้าฝั่งซอยอรรถกระวี 3 ประมาณช่วง 12.00 น. ก่อนที่จะลงมือในเวลาประมาณเกือบ 16.00 น. เมื่อก่อเหตุเสร็จได้เดินออกไปทางประตูอีกฝั่ง ด้านที่ติดกับซอยอรรถกระวี 1 แล้วจึงวิ่งอ้อมมาเอารถจักรยานยนต์หลบหนีไป โดยระหว่างหลบหนีออกมา คนร้ายได้ทำโทรศัพท์มือถือตก ก่อนจะก้มลงเก็บอย่างใจเย็น แล้วจึงหลบหนีไป เบื้องต้นคนร้ายกวาดทองรูปพรรณไปได้ประมาณ 215 บาท  

    ทั้งนี้ สำหรับพี่น้องประชาชนท่านใดทราบเบาะแสหรือมีข้อมูลของคนร้าย สามารถแจ้งได้ที่ ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ศปก.ตร.) โทร.1599 หรือ สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ โทร. 02-3902242  ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

 -8 มีนาคม 2562 -ตำรวจตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด หน้าร้านทองจับภาพของคนร้าย ขณะใช้ปืนลูกโม่ เล็งไปยังพนักงานร้าน และโยนถุงพลาสติกสีขาว ให้พนักงานของร้าน กวาดสร้อยคอทองคำที่อยู่บนแผงเก็บทองในร้านใส่ในถุง น้ำหนักรวม 216 บาท มูลค่ากว่า 4 ล้านบาท  ก่อนหลบหนีไป

 -ที่สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ พลตำรวจเอก เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผย หลังการประชุมติดตามความคืบหน้าคดี คนร้ายชิงทองน้ำหนัก 216 บาท จากร้านทองที่อยู่ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านพระราม 4 โดยระบุว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการแกะรอยเส้นทางของคนร้ายที่ก่อเหตุ เบื้องต้นมาก่อเหตุเพียงคนเดียว ขณะนี้สั่งการให้ชุดสืบสวนดูเส้นทางก่อน และหลังการก่อเหตุ รวมถึงตรวจสอบว่าเคยมาดูลาดเลาก่อนหรือไม่

 -ทั้งนี้จากข้อมูลของชุดสืบสวน พบว่า หลังก่อเหตุคนร้ายได้เดินไปขึ้นรถจักรยานยนต์ ที่จอดไว้บริเวณด้านหลังห้าง ส่วนที่ วินรถจักรยานยนต์รับจ้าง ให้ข้อมูลกับชุดสืบสวนว่าจดจำคนร้ายรายนี้ได้ เนื่องจากหลังก่อเหตุได้จ้างไปลงที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์นั้น คาดว่าเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของวินรายดังกล่าว แต่ทั้งนี้ก็ยังไม่ตัดข้อมูลใดทิ้ง เพราะยังเป็นประโยชน์ต่อคดี

-อย่างไรก็ตามจะมีการตรวจสอบแผนประทุษกรรม ของคนร้ายรายอื่นที่เคยก่อเหตุในพื้นที่ต่างๆ เพื่อมาเทียบเคียงกับกรณีที่เกิดขึ้น โดยส่วนตัวยังเชื่อว่าคนร้ายรายนี้ ยังคงหลบหนีอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล    -โดยหลังการประชุมรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ลงพื้นที่เกิดเหตุบริเวณร้านทอง ย่านพระราม 4 

 - 9 มีนาคม 2562 ตำรวจพบรถคนร้าย..  ตำรวจชุดสืบสวน พบรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า ฟิลาโน่ สีเหลือง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ จอดทิ้งอยู่ที่ลานจอดรถใต้ถุน ห้างสรรพสินค้าเกตเวย์ ซอยสุขุมวิท 42 ก่อนเปลี่ยนรถหลบหนี ซึ่งได้ประสานให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานมาเก็บหลักฐานเพื่อเป็นเบาะแสในการติดตามคนร้าย ก่อนนำรถจักรยานยนต์มาเก็บไว้ที่ สน.ทองหล่อ

  12 มีนาคม 2562 ตำรวจตั้งรางวัลนำจับ 30,000 บาท...  พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ขณะนี้ฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างแกะรอยเส้นทางหลบหนีของคนร้าย ว่ามีการเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังก่อเหตุในจุดใด รวมถึงติดตามตัววินรถจักรยานยนต์ที่ช่วยพาหลบหนี หลังเปลี่ยนยานพาหนะจากรถแท็กซี่ไปขึ้นรถจักรยานยนต์รับจ้าง

ส่วนรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ ที่ตรวจยึดได้ ภายในห้างสรรพสินค้าเกตเวย์ ย่านเอกมัย จากการสอบสวนเจ้าของรถจักรยานยนต์มีความชัดเจนว่า คนร้ายได้เข้าไปขโมย ออกมาจากบ้านย่านซอยอ่อนนุช 17 เมื่อเวลา 3 นาฬิกา ของวันที่ 7 มีนาคม ก่อนที่จะมาก่อเหตุ แล้วขับรถไปจอดที่ห้างสรรพสินค้าเกตเวย์ ก่อนที่จะเดินไปขึ้นรถสาธารณะ แล้วจากการสืบสวนพบว่าคนร้ายไปปรากฎตัวเดินเข้าไปในวัดพระราม 9 เป็นจุดสุดท้ายที่พบเบาะแส ส่วนเจ้าของรถจักรยานยนต์เชื่อว่าไม่มีส่วนรู้เห็นในการกระทำผิด 

ส่วนการตรวจสอบพฤติการณ์ใกล้เคียงกับการก่อเหตุในคดีนี้ พบว่าผู้ต้องหาคดีที่เคยก่อเหตุจี้ชิงทองห้างทองออโรร่า สาขาอื่นๆ และห้างทองเยาวราชกรุงเทพ ที่ผู้ต้องหาใช้วิธีปลอมแปลงใบหน้าไปก่อเหตุ พบว่าผู้ต้องหาทั้งสองคดีอยู่ระหว่างการควบคุมตัวในเรือนจำ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะขยายผลว่ามีคดีใดที่ก่อเหตุใกล้เคียงอีกหรือไม่

 สำหรับการขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหา ยืนยันว่ามีภาพเพียงพอไป แต่เจ้าหน้าที่ต้องการภาพที่จะเห็นใบหน้าชัดเจน ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานจากเจ้าของร้านทองออโรร่า และต้องการพิสูจน์ตัวตนให้ได้ชัดเจนก่อน จึงฝากถึงประชาชนหากพบเห็นเบาะแส ให้ช่วยแจ้งข้อมูลมายังตำรวจสืบสวนนครบาล ซึ่งผู้ใดที่ช่วยแจ้งเบาะแสนำไปสู่การจับกุมได้จะมีเงินรางวัลให้ 3 หมื่นบาท

 

  คดีนี้มีหลังฐานที่คนร้ายทิ้งไว้ อย่าง รถจักรยานยนต์ และมีกล้องวงจรปิด นับ 100 ตัว ที่จะติดตามเส้นทางการหลบหนีของคนร้าย แต่ปัญหาคือ ตำรวจไม่มี ตำหนิรูปพรรณคนร้ายที่แท้จริง หมายถึง ใบหน้าคนร้าย ลายนิ้วมือ หรือ ดีเอ็นเอ ที่จะระบุตัวบุคคลได้ แบบชนิดปฎิเสธไม่ได้ ไม่รวมเอาเรื่องของกลางทอง 216 บาท ที่คนร้ายได้ไป ตรวจสอบตลาดมืดหรือตลาดค้าทอง โรงจำนำ ก็ยังไม่มีเบาะแสว่าคนร้ายจะเอามาเปลียนเป็นเงิน

คดีนี้จึงเงียบไป หรือจางหายไปจากความสนใจของประชาชน และคนสืบสวนก็เงียบไป จึงเห็นได้ว่าการสืบสวนจับกุมคนร้ายชิงทอง ปล้นทอง ที่มีการเตรียมการมายังดี รู้เรื่องการปกปิดหลักฐาน และไม่ทิ้งล่องลอยหลักฐานเอาไว้ให้สืบสวนแกะลอยของเจ้าหน้าที่ ก็ใช้ว่าจะตามจับกันได้ง่ายๆ เช่นเดี่ยวกับคดี กราดยิงชิงทองที่ลพบุรี คนร้ายแทบไม่ทิ้งล่องลอยหลักฐาน เอาไว้ให้ตำรวจตามจับเลย ทั้ง ใบหน้า ลายนิ้มมือ ดีเอ็นเอ ทิ้งไว้แต่ล่องลอยหลักฐานเป็นวัตถุพยาน อย่างรอยรองเท้า กระสุนปืน และตำหนิรูปพรรณภายนอก ผ่านกล้องวงจรปิด เท่านั้น รถจักรยานยนต์ ก็ยังไม่พบ ตำรวจใช้ พลังโซเชียล หรือ มวลชนช่วยสืบด้วยการตั้งรางวัลนำจับหลายแสนบาท ก็นับว่าเป็นคดีที่ท้าทายฝีมือของตำรวจชุดคลี่คลายคดีนี้เป็นอย่างมาก

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง