เปิดโลกที่มากกว่า ของวงการ 'เพลงแรป' ไม่ใช่แค่ดนตรี เนื้อร้อง ทำนอง สู่กระแสบทเพลงเสรีภาพสังคมไทย

'แรป' ที่ให้เสรีภาพในการแสดงความเห็นโดยไม่ต้องกลัวเรื่องกรอบสังคม เพลงแรปไม่ได้มีแต่เพลงที่ระบายความกดดันต่อสังคม มีถ้อยคำที่หยาบคาย หรือมีถ้อยคำที่ฟังไม่รู้เรื่อง แต่เพลงแรปยังมีเนื้อหาที่น่าสนใจอยู่ในตัวเพลงด้วย แรปเหมือนเป็นการแต่งบทกลอน เรียบเรียงคำให้สละสลวย ให้สอดคล้องและเข้าจังหวะดนตรี เป็นการร้องออกมาแทนคำพูดของคนได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของผู้แต่งเอง หรือสังคมปัจจุบัน รวมไปถึงเรื่องการเมือง ซึ่งผู้แต่งอยากจะสะท้อนให้เห็นออกมาผ่านบทเพลง

'แรป' เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมฮิปฮอป ที่ประกอบด้วยการร้องแรป จุดกำเนิดมากจากศิลปินแรปต่างประเทศ สมัยนั้นกลุ่มคนสีผิวที่รวมกลุ่มกันร้องเพลงและปลดปล่อยความในใจที่มีต่อสังคมและชีวิตที่พวกเขาต้องประสบถึงความไม่เท่าเทียมกันในสังคม ซึ่งภายหลังก็ได้รับความนิยมกันมากขึ้น

เนื้อหาของเพลงมักจะทรอดแทรก ความคิดเห็น การวิพากษ์วิจารณ์ และมีการพูดถึงการเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมกันมากขึ้น เสน่ห์ของเพลงแรป มีการเล่าเรื่องชีวิต ปัญหาสังคม ความรุนแรง และความไม่ยุติธรรม การได้ฟังเพลงแรปก็เหมือนได้ฟังสิ่งที่เป็นจริง โดยใช้เสียงเพลงปลดปล่อยตัวเองออกจากสังคมที่ถูกปิดกั้น ทำให้แรปได้รับความนิยมมากกขึ้นในประเทศไทย ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องกระแสและค่านิยมจากการรับวัฒนธรรมต่างประเทศ

ทำไมถึงเป็นที่นิยมในยุคสมัยนี้ 'แรป' ได้รันวงการในปี 70s เป็นที่นิยมมากในอเมริกัน แต่ตอนนั้นยังไม่ค่อยแพร่หลาย มีทั้งคนชอบและไม่ชอบแต่ส่วนใหญ่จะฮิตในกลุ่มวัยรุ่น จนปัจจุบันมีคนไทยกลุ่มนึงคิดว่าน่าจะลองทำแรปในไทยบ้าง โดยมีการใช้คำแสลง เนื้อหาก็มักจะสอดแทรกเรื่องราวที่สะท้อนสังคมเพื่อให้คนที่ฟังได้เข้าใจว่าเขาอยากจะถ่ายทอดถึงอะไร ปัจจุบันมีทั้งรายการ rap is now, the rapper, rap got หรือรายการที่มีการ Rap Battle

แล้วต่อมา คนเริ่มให้ความสนใจเพลงแรปมากขึ้น เพราะเพลงแรป มีเสน่ห์ การได้เป็นตัวของเองมากที่สุด เพราะในสิ่งที่พูดในบทเพลงเป็นเรื่องจริงของผู้แต่งเอง ไม่เฟค ไม่เสแสร้ง ตรงไปตรงมา และ ไม่อ้อมค้อม ในบางบทเพลงมีท่อนที่ไม่ได้แรปแต่เนื้อหาเพลงมีความหมาย คนฟังเลยชอบและอยากแรปตาม

สิ่งที่ทำให้เพลง 'แรป'  ในประเทศไทยเริ่มเป็นที่นิยมนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของกระแสหรือค่านิยมที่ได้รับ เข้าสู่กระแสหลักที่มีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง อย่างผลงานเพลงแรป ประเทศกูมี เพลงนี้มีจุดเด่นในเรื่องเนื้อหาที่สะท้อนความคิดเห็นที่มีต่อสัคมไทย เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างตรงไปตรงมา ถึงเนื้อหาของเพลงที่ถูกโยงเข้ากับการเมือง

หากใครได้รับฟังจะทราบได้ทันทีว่าเนื้อหาเพลงมีการพูดถึง เหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นใจกลางเมือง มีความเหลือมล้ำ ไม่เท่าเทียมกันในสังคม พูดถึงคดีดังๆที่ผ่านมาที่ไม่สามารถหาข้อยุติได้ ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่าสังคมไทยตอนนี้เป็นอย่างไร ต้องประสบปัญหาอะไรบ้าง ซึ่งสิ่งที่ปรากฏในเนื้อเพลงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในสังคม ที่พวกเราทราบกันดี หลังจากที่ผลงานได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี ที่มีคนแชร์เพลงนี้ มีการเปิดเพลงนี้กันเยอะมาก และมียอดวิว 70 ล้านวิว ทำให้ประชาชนเกิดการตื่นตัว และตั้งคำว่ากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยังมีข้อถกเถียงกันอยู่ในเรื่องนี้

คิดยังไงกับการที่เพลงแรปได้แสดงความคิดเห็นทั้งเรื่องสังคมและการเมือง Liberate P ศิลปินแรปใต้ดิน ผู้เคยผ่านเวที Rap Is Now ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการทำเพลงแรปที่วิจารณ์สังคมกับการเมือง ว่าทำไมถึงทำเพลงแนวนี้ Liberate P พูดว่า

“เหตุผลต้องแรปเรื่องการเมือง เพราะต้องการสะท้อนแง่มุมในสังคมให้กับคนฟัง และเพื่อตอกย้ำถึงความสำคัญของปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น ผมมีเป้าหมายว่า เพลงทุกเพลงของผมที่เกี่ยวกับการเมือง ผมต้องการสื่อไปถึงชนชั้นกลางว่า ประเทศเรามีปัญหานะ เรากำลังปล่อยให้คนติดคุกโดยที่ไม่ได้ทำผิดอะไร เค้าแค่ออกมาพูด ผมต้องการให้คนตื่นตัวมากกว่าออกมาด่ารัฐบาลเพื่อความสะใจ ที่มันไม่ได้อะไรกลับมาเลย ผมอยากให้คนเปลี่ยนความคิด หรือตื่นตัวมากกว่าทำให้เพลงมันดัง” ที่มา เพจ The Matter

CP สมิง ศิลปินแรปใต้ดิน ให้สัมภาษณ์ว่า “เพลงแรปเป็นกระแสในไทยมา2ปีแล้ว เพราะเป็นคำพูดแทนคนได้ทุกเรื่อง เช่น สร้างความยุติธรรมให้กับตัวเองได้ เช่น เพลงประเทศกูมี หรือ Set Zero ด้วยความตรงไปตรงมาและจริงใจทำให้ปัจจุบันมีคนฟังเพลงแรปมากขึ้นเพราะเพลงแรปสามารถแสดงความคิดได้อย่างไม่ปิดกั้นความคิด”

และนับได้ว่าเป็นปรากฏการวงการเพลงแรปที่มีผู้คนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก และปัจจุบันได้มีช่องทีวีทำ content เป็นรายการอย่างจริงจัง มีการประกวดเฟ้นหาแรปเปอร์ที่มีความสามารถในการแต่งรามที่มีเนื้อหาที่สามารถเข้าถึงคนฟังได้ง่าย และมีการแรปที่ไม่เหมือนใคร ช่วงนั้นจึงกลายเป็นว่าเพลงแรปมีคนฟัง และติดตาม กันมากขึ้นและเป็นกระแสอยู่ในช่วงนั้น