คดีฆาตกรรมต่อเนื่อง 6 ศพ เมื่อวานนี้ (19 ธ.ค. 62) ตำรวจ สภ.กระนวน คุมตัวนายสมคิด พุ่มพวง ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพทั้งหมด 6 จุด โดยนายสมคิดปฏิเสธที่จะไปทำแผนที่บ้าน ณ จุดเกิดเหตุ ขณะที่ชาวบ้านต่างพากันออกมารุมประนาฌและเรียกร้องให้มีการประหารชีวิต
พล.ต.ท.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 พร้อมกำลังกว่า 300 นาย คุมตัวนายสมคิด ไปทำแผนโดยมีการสวมเสื้อเกราะ หมวกไหมพรมคลุมศีรษะ ซึ่งจุดแรกคือ จุดพักรถหน้าวัดป่าชัยมงคล ที่ผู้ต้องหามาขึ้นรถสองแถวไปโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น เพื่อเอารถจักรยานยนต์ของผู้ตายที่จอดทิ้งไว้ก่อนหน้านี้ ขี่ออกไปเพื่อหลบหนี มุ่งหน้าไปจังหวัดมหาสารคาม เพื่อไปตัดผมที่ร้านตัดผมแห่งหนึ่ง แต่จำร้านไม่ได้ จากนั้นก็ขี่รถไปพักที่จังหวัดร้อยเอ็ด
ระหว่างทำแผนจุดนี้ มีชาวบ้าน เพื่อนบ้าน ที่โกรธแค้น มามุงดูและตะโกนด่าทอนายสมคิด ถือป้ายเรียกร้องให้ประหารชีวิต ระหว่างนั้น มีชาวบ้านฮือเข้ามาทุบเข้าที่ศีรษะของนายสมคิด และท่ามกลางเสียงด่าทอตลอดเวลาช่วงที่ทำแผนจุดแรก ทำให้นายสมคิดมีความตึงเครียด ไม่พอใจ มีปฏิกิริยาขึงขัง กำหมัดแน่น หันไปมองชาวบ้านที่ส่งเสียงด่าทอ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะรีบนำตัวผู้ต้องหาขึ้นรถตู้ของเจ้าหน้าที่ไปทำแผนต่อ
จุดที่ 2 ตำรวจคุมตัวไปชี้จุดบริเวณโรงจอดรถจักรยานยนต์ ของ รพ.ขอนแก่น ที่นายสมคิดเข้ามาเอารถจักรยานยนต์ที่จอดทิ้งไว้ เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. โดยขี่ออกมาทางด้านหลังของโรงพยาบาล วิ่งไปตามถนนศรีจันทร์ และเข้าสู่ถนนสายหลักเส้นทาง ขอนแก่น – มหาสารคาม เพื่อหลบหนีต่อไป ก่อนที่จะไปโดนจับได้ใน พท.ของจังหวัดนครรราชสีมา หลังจาก 2 จุดแรกที่จังหวัดขอนแก่น ก็จะไปทำแผนตามเส้นทางที่ผู้ต้องหาหลบหนี หลังฆาตกรรมโหดเหยื่อรายที่ 6 โดยไปที่จังหวัดมหาสารคาม ร้อยเอ็ด และเดินทางไปทำแผนที่สถานีรถไฟบุรีรัมย์ ที่นายสมคิดหลบหนีไปขึ้นรถไฟเพื่อไปที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
จุดสุดท้ายของการหลบหนี เริ่มจากการให้นายสมคิดชี้จุดที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ที่หน้าตึกศัลยกรรมกระดูก โรงพยาบาลศูรย์บุรีรัมย์ จากนั้นตำรวจได้พาไปที่ตลาดสดที่นายสมคิดอ้างว่าไปซื้ออาหาร แต่นายสมคิดจำจุดที่ซื้ออาหารไม่ได้ ต้องเดินวนไปมาอยู่หลายครั้ง
หลังจากนั้นได้พานายสมคิด มาตรงจุดที่ซื้อตั๋วรถไฟ และการรอขึ้นรถบริเวณชานชาลา โดยระหว่างการทำแผนแต่ละจุด ได้มีประชาชนกว่า 1,000 คน มาดูการทำแผนพร้อมสาปแช่ง เจ้าหน้าที่ต้องคุมเข้มเรื่องของความปลอดภัย ป้องกันไม่ให้ฝูงชนเข้าไปทำร้ายผู้ต้องหา หลังจากทำแผนครบทุกจุด ตำรวจก็จะคุมตัวนายสมคิดกลับไปที่สภ.กระนวน จ.ขอนแก่น เพื่อขออำนาจศาลฝากขังผัดแรกในวันนี้ (20 ธ.ค. 62)
ทั้งนี้ ตำรวจได้ชี้แจงกรณีที่ผู้ต้องหา ไม่ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพภายในบ้านที่เกิดเหตุ โดยอ้างว่าจะทำให้เครียด แต่ได้มีการจำลองเหตุการณ์สังหารเหยื่อภายในห้องพัก บันทึกเป็นภาพนิ่งและวิดีโอไว้เป็นหลักฐาน พร้อมแจ้ง 3 ข้อหา ได้แก่ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา โดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยทรมารหรือกระทำการทารุณโหดร้าย ปิดบังอำพรางซ่อนเร้นศพ และลักทรัพย์หรือรับของโจร
ทาง พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 บก.ป. บอกว่า ถึงแม้ว่านายสมคิดจะสารภาพว่าการฆาตกรรมรายล่าสุดเกิดจากการบันดาลโทสะ ไม่ได้เป็นการฆ่าโดยไตร่ตรอง แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ปักใจเชื่อ เพราะจากแนวทางในการสืบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุในวันที่ 12 ธ.ค. นายสมคิดได้เอารถมอเตอร์ไซค์ของผู้ตายไปจอดทิ้งไว้ที่รพ.ขอนแก่น โดยอ้างกับผู้ตายว่าจะเอามอเตอร์ไซค์ไปซ่อมที่อู่แห่งหนึ่งในตัวเมืองขอนแก่น แต่พอตำรวจไปตรวจสอบสภาพตัวรถก็พบว่าไม่ได้มีอะไรเสียหาย จึงคาดว่าจะเป็นการจงใจนำไปจอดเพื่อใช้ในการหลบหนีหลังจากการก่อเหตุแน่นอน
นอกจากนี้ ยังพบรถโทรศัพท์มือถือที่ตัวนายสมคิดอีก 4 เครื่อง ส่วนโทรศัพท์ของนายสมคิดที่ทำตกไว้ที่จุดเกิดเหตุ คาดว่าจะเป็นการจงใจตบตาเจ้าหน้าที่ เพื่อให้ยากต่อการติดตามตัว ขณะเดียวกัน ก็มีกระแสว่านายสมคิดมีการเตรียมตัวจะไปฆ่าเหยื่ออีกรายเป็นรายที่ 7 เพราะพบว่าในข้อมูลโทรศัพท์ของนายสมคิดที่ทำตกไว้ที่จุดเกิดเหตุ มีการติดต่อนัดเจอกับผู้หญิงรายหนึ่ง แต่ทาง พ.ต.อ.บุญลือ ออกมาบอกว่าน่าจะไม่ใช่เรื่องจริง เพราะจากการตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์ ก็พบว่าเป็นเบอร์แฟนสาวของนายสมคิดที่อยู่จ.ชัยภูมิ ที่คบหากันมานานเกือยครึ่งปีตั้งแต่พ้นโทษออกมาจากเรือนจำ
โดยนายสมคิดกับแฟนสาวคนนี้คบหาดูใจกันมาตั้งแต่ช่วงมิถุนายน 2562 หลังจากนายสมคิดพ้นโทษออกมาตอนเดือนพฤษภาคม 2562 โดยพบกันที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจ.นครราชสีมา ก่อนจะใช้ชีวิตร่วมกันและไปเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่ที่จ.ระยอง โดยสาวคนนี้ก็ไม่เคยทราบว่านายสมคิดคือฆาตกรต่อเนื่องที่เพิ่งพ้นโทษออกมา เพราะเจ้าตัวหลอกว่าเป็นทนายความ ซึ่งตัวนายสมคิดเองก็จบด้านกฏหมายจากในเรือนจำด้วย
พ.ต.อ.บุญลือ เผยอีกว่า ระหว่างที่นายสมคิดคบหากันกับแฟนสาวคนนี้ ก็มีการแอบติดต่อกับนางรัศมี หรือเหยื่อรายล่าสุด จนกระทั่งวันที่ 1 ธ.ค. ออกอุบายกับแฟนสาวว่าจะไปทำงานที่ภาคอีสาน และขี่มอเตอร์ไซค์ของแฟนสาวมาจากบ้านพักที่จ.ระยอง มาหานางรัศมีถึงที่จ.ขอนแก่น ตอนนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามอเตอร์ไซค์คันดังกล่าว นายสมคิดนำไปจอดทิ้งเอาไว้ที่ไหน มีรายงานด้วยว่าก่อนเกิดเหตุ นายสมิคดหลอกว่าจะดาวน์รถให้ผู้ตาย มีการพาผู้ตายไปออกรถที่โชว์รูมแห่งหนึ่ง แต่ตัวเขาเองอ้างว่าติดแบล็คลิสต์ ไม่สามารถออกรถให้ได้ ให้ผู้ตายเป็นคนทำธุรกรรมแทนให้ พอทราบว่าผู้ตายมีโอกาสจะซื้อรถได้น้อย เขาก็เลยเริ่มตีตัวออกห่าง และเตรียมกลับไปหาแฟนสาวที่คบกันแต่แรกที่จ.ระยอง ทำให้นางรัศมีไม่ยอมจนเกิดการทะเลาะกันและนำไปสู่การก่อเหตุนี้ขึ้น
นอกจากนี้ ประชาชนก็ยังมีความเป็นห่วงพลเมืองดีที่เป็นผู้แจ้งเบาะแสจนทำให้ตำรวจสามารถจับกุมนายสมคิดได้ มีการกลัวว่าจะส่งผลกระทบอะไรหรือไม่ เพราะมีบางสื่อมีการเปิดเผยหน้าตาและชื่อด้วย