ในหลวง-พระราชินี เสด็จฯ เปิดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ 'ใต้ร่มพระบารมี สดุดีมหาจักรีวงศ์' และทรงเยี่ยมราษฎรชาวไทยเชื้อสายจีน
logo ข่าว..เช้าวันหยุด

ในหลวง-พระราชินี เสด็จฯ เปิดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ 'ใต้ร่มพระบารมี สดุดีมหาจักรีวงศ์' และทรงเยี่ยมราษฎรชาวไทยเชื้อสายจีน

ข่าว..เช้าวันหยุด : พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี ทรงเปิดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ “ใต้ร่มพระบารมี สดุดีมหาจักรีวงศ์ ในหลวง,พระราชินี,นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ

5,203 ครั้ง
|
07 ธ.ค. 2562
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี ทรงเปิดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ “ใต้ร่มพระบารมี สดุดีมหาจักรีวงศ์” และทรงเยี่ยมราษฎรชาวไทยเชื้อสายจีน
 
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปวัดไตรมิตรวิทยาราม เขตสัมพันธวงศ์ โอกาสนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี ทรงวางพวงมาลัย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการท้ายที่นั่งบูชาพระพุทธทศพลญาณ พระประธานในพระอุโบสถ ทรงกราบ พระพุทธทศพลญาณ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ปูนปั้นลงรักปิดทอง เรียกว่า 'หลวงพ่อโต' หรือ 'หลวงพ่อวัดสามจีน' พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เคยเสด็จพระราชดำเนินไปนมัสการพระพุทธทศพลญาณ และได้มีพระราชดำรัสว่า เป็นพระพุทธรูปที่มีพระพุทธลักษณะงดงามยิ่งนัก
 
วัดไตรมิตรวิทยาราม เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดวรวิหาร ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยใด เดิมชื่อ วัดสามจีน เชื่อกันว่า ชาวจีน 3 คน ร่วมกันสร้างเพื่อเป็นวิหารทานการบุญ ในปี 2482 พุทธศาสนิกชนได้ร่วมกันปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ และเปลี่ยนชื่อวัดเป็น 'วัดไตรมิตรวิทยาราม' มีความหมายว่า “เพื่อน 3 คน ร่วมกันสร้างวัดนี้"
 
จากนั้นทรงพระดำเนินไปมหามณฑปเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี ทรงถวายผ้าไตรพระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร ทรงวางพวงมาลัย ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธสุวรรณปฏิมากร หรือ พระสุโขทัยไตรมิตร เป็นพระพุทธรูปทองคำที่ใหญ่ที่สุด หน้าตั้งกว้าง 3.01 เมตร สูง 3.91 เมตร ส่วนพระเกศมีน้ำหนัก 45 กิโลกรัม เป็นเนื้อทองบริสุทธิ์ 99.99% สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยสุโขทัย ปางมารวิชัย เดิมประดิษฐานอยู่ที่วัดมหาธาตุ จังหวัดสุโขทัย ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้อัญเชิญพระพุทธรูปมาจากเมืองเหนือ เพื่อประดิษฐานยังวัดสำคัญ พระพุทธรูปที่เชิญมามีจำนวนมาก ทำให้ดูแลไม่ทั่วถึง ขุนนางผู้หนึ่งจึงแอบเอาปูนไล้พระพุทธรูปทองคำ แล้วอัญเชิญมาไว้ที่วัดพระยาไกร ต่อมาบริษัท อี๊สต์เอเชียติ๊ก ได้ขอเช่าที่วัด (ซึ่งขณะนั้นเป็นวัดร้าง) เป็นโรงเลื่อยจักร จึงได้อัญเชิญไว้ที่ข้างพระเจดีย์ และปลูกเพิงสังกะสีมุงเป็นหลังคากั้นไว้หลังจากนั้นเป็นเวลาเกือบ 20 ปี เมื่อพระอุโบสถและพระวิหารหลังใหม่สร้างเสร็จ จึงได้อัญเชิญขึ้นประดิษฐาน แต่ในระหว่างการเคลื่อนย้ายปูนที่หุ้มองค์พระกระเทาะออก จึงทำให้เห็นองค์พระข้างในเป็นทองคำ เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2498
 
 
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/k1uNHEH_0iI

ข่าวที่เกี่ยวข้อง