นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรครวมพลังประชาชาติไทย โดยมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำพรรครวมพลังประชาขาติไทย และมรว. จัตุมงคล โสณกุล นายทวีศักดิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง เลขาธิการพรรค และสมาชิกพรรคให้การต้อนรับ
โดยนพ.วรงค์ สมัครจ่ายเงินค่าสมาชิกพรรค 3,650 บาท ซึ่งเป็นการสมัครแบบตลอดชีพ ก่อนที่จะสวมเสื้อพรรครวมพลังประชาชาติไทย อย่างเป็นทางการ โดยนายสุเทพ ชี้แจงการดำเนินงานของพรรคหลังการเลือกตั้ง ว่า แม้จะดูเหมือนว่าพรรครวมพลังประชาชาติไทยจะไม่มีความเคลื่อนไหวใดใด แต่ข้อเท็จจริงพรรคมีการทำงานตลอด เพราะได้รับความไว้วางใจเข้าร่วมรัฐบาล และ หัวหน้าพรรคได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล ยืนยัน พรรคจะผลักดันนโยบายตามที่เคยหาเสียงไว้ โดยเฉพาะ ร่างพ.ร.บ.บริหารราชการจังหวัด ซึ่งต้องมีบุคลากรที่มีความสามารถ เข้มแข็ง โดยทุกพื้นที่จะต้องมีสาขาพรรค มีผู้นำที่เข้าใจการทำงาน ปัญหาประชาชน ร่วมขับเคลื่อนกับชุมชน
ในส่วนของสำนักงานใหญ่พรรคต้องการคนที่จะเข้ามาบริหารพรรคเพื่อขับเคลื่อนงาน ซึ่งหลังเลือกตั้งมีการเปลี่ยนแปลง โดยได้คนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถมาเป็นผอ.พรรค คือ นายดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ขณะเดียวกัน พรรคยังมีความจำเป็นที่ต้องค้นหาบุคคลมาช่วยงานในพรรค ทันทีที่ได้ยินข่าวว่านพ.วรงค์จะลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ ตนจึงทำหน้าที่เป็นฑูตพิเศษทาบทามนพ.วรงค์ ซึ่งในขณะนั้นนพ.วรงค์ก็ชอบพรรครวมพลังประชาชาติไทยอยู่แล้ว คล้ายกับพรหมลิขิตนำพา
ทั้งนี้นายสุเทพพูดติดตลกว่า พรรคประชาธิปัตย์เคลื่อนไหนอย่างไรทราบตลอด เพราะ เคยเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้นพรรคประชาธิปัตยเคลื่อนไหวอย่างไร แม้หายใจตนก็ได้ยิน พร้อมกันนี้ยังพูดถึงคุณสมบัติของนพ.วรงค์ ว่าเป็นคนเดียวที่ตนถูกใจในการทำงานตั้งแต่สมัยตนเองเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เพราะ เป็นคนทำงานจริง ทุ่มเท เปิดโปงโครงการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ให้เห็นพิษภัยของนักการเมืองที่หาผลประโยชน์จากนโยบายซึ่งอาจมีหลายโครงการ
ทั้งนี้นายสุเทพ เตรียมเสนอให้นพ.วรงค์ทำหน้าที่จัดตั้งสาขาพรรคทั่วประเทศ เพราะการทำงานการเมืองในอนาคตอุดมการณ์และความเข้าใจเป็นเรื่องสำคัญจึงจำเป็นต้องให้นพ.วรงค์ทำหน้าที่นี้ นอกจากนี้นายสุเทพ ยังระบุถึงกระแสข่าวเรื่องการรับนพ.วรงค์เข้ามาในพรรค ว่า ไม่ใช่การเชิญมาเป็นหัวหน้าพรรคแทนม.ร.ว.จตุมงคล ยืนยันว่า ม.ร.ว.จตุมงคล จะเป็นหัวหน้าพรรคไปจนครบ 4 ปี รวมถึงจะอยู่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานไปจนจบสมัย เช่นเดียวกับตำแหน่งเลขาธิการพรรค ก็จะเป็นคนเดิมจนกว่าจะมีการประชุมสมัชชาใหญ่ของพรรค ซึ่งประชุมทุก 4 ปี ดังนั้นโอกาสในการมารับตำแหน่งเลขาธิการพรรคจึงเป็นไปได้ยาก ส่วนจะเป็นประธานยุทธศาสตร์พรรคหรือไม่ นายสุเทพ ระบุว่า คงไม่เดินตามรอยพรรคอื่น แต่จะใช้ชื่อว่าอะไรขึ้นอยู่กับที่ประชุมพรรค
ด้านม.ร.ว.จตุมงคล โสณกุล หัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย ดีใจที่นพ.วรงค์มาร่วมงานกับพรรค เนื่องจากตนเองไม่ถนัดเรื่องการเมือง มีเพียงนายสุเทพ ที่เชี่ยวชาญ แต่ก็มีข้อจำกัดที่เคยสัญญากับประชาชนว่าจะไม่เล่นการเมือง ขณะที่นพ.วรงค์ ระบุว่า รู้สึกอบอุ่นกับการต้อนรับของพรรคมาก โดยกล่าวติดตลกว่า หากรู้ว่าอบอุ่นขนาดนี้คงมานานแล้ว พร้อมเล่าการตัดสินใจลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ ว่า หลังการเลือกตั้งปัญหาการเมืองเปลี่ยนแปลงไปมากจากการทุจริตเชิงนโยบาย เป็น กฎหมายล้างผิดสร้าง ซึ่งตนเองทนไม่ได้ จึงเข้าพบนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อบอกว่า ในประเทศมีปัญหาเรื่องลัทธิชังชาติที่พยายามปลุกปันเยาวชน สร้างความเกลียดชัง ย้ำว่าพรรคประชาธิปัตย์ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีตลอดมา และไม่มีความขัดแย้ง พร้อมฝากถึงคนของพรรคประชาธิปัตย์ว่าเราไม่ควรทะเลาะกัน และอนาคตต้องพึ่งพากัน เพราะ ประเทศมีปัญหาหลากหลายสไตล์ของผมไม่เหมาะกับพรรคประชาธิปัตย์ แต่เหมาะกับการออกไปปราบลัทธิชังชาติกับพรรครวมพลังประชาชาติไทยมากกว่า
ขณะที่นพ.วรงค์ เชื่อว่า เพื่อนในพรรคประชาธิปัตย์ จับตาดูการย้ายพรรคของตัวเอง อยู่ หากเห็นว่ากาย้ายพรรคมีประโยชน์ก็อาจจะมีคนตามมา ส่วนการต่อสู้กับลัทธิชังชาติ ที่ตั้งใจจะมาทำ ย้ำว่าจะไม่ใช้กำลังแต่จะใช้สมองในการต่อสู้