พิษณุโลก – ที่บ้านของอดีตนายทหารผ่านศึก เมื่อครั้งเหตุการณ์สู้รบกับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ภูขัด-ภูเมี่ยง เมื่อปี พ.ศ.2526 ที่ต้องสูญเสียขาซ้ายไปในเหตุการณ์ดังกล่าว กลายเป็นผู้พิการถาวร เคยคิดฆ่าตัวตายหลายครั้ง สุดท้ายยอมรับความจริงและฝึกฝนตัวเองประดิษฐ์งานแฮนด์เมด เป็นผลิตภัณฑ์ควายยิ้มในอริยาบทต่างๆ จากไม้โมกมัน สอดแทรกแง่คิด ประดิษฐ์เป็นของชำร่วย ราคาเริ่มต้นเพียง 69 บาท หารายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัว
อดีตทหารผ่านศึกนายนี้ คือ ร้อยตรีประเสริฐศักดิ์ ทองดี อายุ 62 ปี อดีตนายทหารสังกัด ม.พัน 14 เพชรบูรณ์ ที่ทุกๆวันจะง่วนอยู่กับการประดิดประดอย ผลงานความยิ้ม จากไม้โมกมันในอิริยาบถต่างๆ อย่างประณีตสวยงาม เพื่อขายหารายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัว
ร้อยตรีประเสริฐศักดิ์ ทองดี หรือลุงอุ้ย เล่าให้กับผู้สื่อข่าวฟังอย่างเป็นกันเองว่าย้อนไปเมื่อปี พ.ศ.2526 สมัยนั้นตนเป็นทหารสังกัด ม.พัน 14 เพชรบูรณ์ อายุประมาณ 26 ปี ได้รับคำสั่งให้ขึ้นไปปฏิบัติภารกิจปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ภูขัด-ภูเมี่ยง หลังจากที่ตนเพิ่งเรียนจบหลักสูตรหน่วยรบพิเศษ (นทล.3) แต่ในเหตุการณ์ครั้งนั้นตนประสบเหตุเหยียบกับระเบิดของ ผกค.ทำให้ตนได้รับบาดเจ็บสาหัส และต้องสูญเสียความทรงจำ และขาข้างซ้ายเสมอเข่า
ตนใช้เวลารักษาแผลทางกายอยู่นานถึง 1 ปี 8 เดือน สูญเสียความจำช่วยคราวจากเหตุการณ์ดังกล่าว จำไม่ได้แม้แต่หน้าลูกและเมีย และความจำก็ค่อยๆกลับคืนมา แต่สภาพจิตใจย่ำแย่มากรับสภาพตัวเองไม่ได้ ไม่อยากมีชีวิตอยู่เคยคิดฆ่าตัวตายหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ จนผ่านไป 4 ปี สภาพจิตใจเริ่มดีขึ้นตนมองหน้าลูกเมียแล้วอยากมีชีวิตอยู่ พยายามทำใจยอมรับความจริง หาอาชีพที่พอทำได้ ในสมัยนั้นคือออกหาปลาขายพอมีรายได้เล็กๆ น้อยๆ เลี้ยงครอบครัว
จนกระทั่งปี 2552 ตนได้ไปขึ้นทะเบียนคนพิการที่ศาลากลาง จ.พิษณุโลก ก็ได้เห็นผลงานของคนพิการหลากหลายอย่าง จึงมีแรงฮึดสู้อีกครั้ง ตอนนั้นคิดว่าเราแค่เสียขาแต่เรายังมีชีวิตอยู่ ยังมีลมหลายใจ คนที่เขาพิการหนักกว่าเราเขายังอยากมีชีวิตอยู่เลยแล้วเราจะไปยอมแพ้ได้อย่างไร กลับมาบ้านก็มานั่งคิดว่าตัวเองทำอะไรได้บ้าง จึงนึกขึ้นได้ว่าตนเองความรู้เรื่องงานไม้จากปู่ย่า ตายาย สมัยก่อน ทำเกวียน ทำอุปกรณ์ทุกอย่างที่ใช้ในการทำนาได้ และชีวิตก็ผูกพันอยู่กับควาย กับท้องนา จึงลองทำงานฝีมือชิ้นแรกเป็นรูป ลูกควายขี่หลังแม่ควายไถ่นา ใช้เวลาทำอยู่ 2 วันก็เสร็จ และก็เริ่มคิดออกแบบลองทำรูปแบบอื่น ทำได้ก็ใส่ตู้เก็บไว้ขายได้บ้างให้คนที่พบเห็นแล้วชอบ
จนกระทั่งเมื่อประมาณปี 2557 มีโอกาสได้นำผลิตภัณฑ์ของตนไปขายที่งานวัดใหญ่ ปรากฏว่าขายดี มีคนชื่นชอบโดยเฉพาะชาวต่างชาติ ตนเริ่มเป็นที่รู้จัก มีคนสั่งออเดอร์มาบ้าง ทำให้ตนมีรายได้เลี้ยงครอบครัวได้ จากนั้นจึงได้ไปขายที่งานวัดใหญ่ทุกปี จนกระทั่งปี 2559 ตนถูกจับเสียค่าปรับไป 2000 เพราะคนดูแลงานไม่อนุญาตให้ตนนำไปขายได้ จึงทำให้ตนไม่มีที่ทางที่จะไปวางขาย ตั้งแต่นั้นมา มีแค่บางคนแวะเวียนมาซื้อที่บ้าน เดือนนึงได้เงินจากการขายเพียง500-1000 บาท ซึ่งก็ไม่พอค่าใช้จ่าย แต่ตนก็ไม่หยุดทำเพราะถ้าอยู่เฉยๆ มันเครียด ก็ทำไปเรื่อยๆ หลายๆแบบ จนตอนนี้กว่า 50 แบบ หรือประมาณ 500 ชิ้น ใส่ตู้โชว์ไว้เผื่อมีคนแวะมาซื้อ
ร้อยตรีประเสริฐศักดิ์ ทองดี หรือลุงอุ้ย ได้บอกต่อว่า หากมีคนใจบุญ ท่านไหนพอจะมีที่ทางให้ตนได้สามารถทำผลิตภัณฑ์ของตนไปวางขายได้ ก็จะดีมากเลย ตนขอเพียงที่ทางที่สามารถขายของหารายได้เลี้ยงตัวเองได้เท่านั้นไม่อยากเป็นภาระของใคร เพราะตนเป็นคนบ้านนอกอยู่แต่บ้านไม่ค่อยได้ออกไปไหน ไม่รู้จริงๆ ว่าจะนำผลิตภัณฑ์ของตนออกไปให้คนอื่นเห็นได้ยังไงหากใครพอมีช่องทางจำหน่ายรบกวนช่วยบอกลุงด้วย
สำหรับผลิตภัณฑ์ ควายยิ้มของลุงอุ้ยนั้น เป็นงานฝีมือ ใช้ไม้โมกมันซึ่งเป็นไม้ที่นิยมนำมาทำเฟอร์นิเจอร์เพราะสีเนื้อไม้สวยและเป็นมัน ที่สำคัญเป็นไม้เนื้ออ่อน นำมาประดิษฐ์ง่าย หาซื้อได้จากชาวบ้านทั่วไป แต่ต้องจ้างเขาโค่น ลาก และขนมาให้ที่บ้านเพราะตนพิการทำเองไม่ได้ ตนเองก็มีค่าใช้จ่ายเกือบ 1 หมื่นบาท แต่ตนสามารถใช้ได้ทุกส่วนของตนไม้ยกเว้นใบ จากนั้นก็นำมาแปลรูปเป็นอะไหล่ชิ้นเล็กๆ และนำมาประกอบเป็นควายยิ้มในอริยาบถต่างๆ อาทิ ที่เสียบดินสอปากกา รูปควายยิ้ม ที่ทับกระดาษ ชุดทั้งโชว์ ควายยิ้มเล่นกีต้าร์ ชุดห้องเรียน ชุดแม่รักลูก ชุดควายไถนา ชุดควายลากเกวียน ชุดวงปี่พาร์ท ชุดกลองยาวเทิดเทิง เป็นต้น
ส่วนราคาก็ขึ้นอยู่กับขนาดของชิ้นงานเริ่มต้นที่ราคา 69 บาทไปจนถึงชุดตั้งโชว์ชุดใหญ่ 2500 บาท และลูกค้าสามารถสั่งทำได้ทุกแบบ อยากได้แบบไหน ขนาดไหน คุยกันได้ ตนทำได้ทุกแบบ หากผู้มีจิตศรัทธาท่านใดที่จะอนุเคราะห์รับผลงานของตนไปจำหน่าย หรือสนใจจะซื้อไปเป็นของชำร่วย หรือตั้งโชว์ สามารถติดต่อได้ที่หมายเลข 082-7673909
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ https://youtu.be/Fbp5ScBrgBY