รวบคู่หู รปภ. ขโมยรถบรรทุกนายจ้าง เตรียมขายหาเงินซื้อยาเสพ
logo ข่าวอัพเดท

รวบคู่หู รปภ. ขโมยรถบรรทุกนายจ้าง เตรียมขายหาเงินซื้อยาเสพ

ข่าวอัพเดท : รวบคู่หู รปภ. ขโมยรถบรรทุกนายจ้าง เตรียมขายหาเงินซื้อยาเสพ ขโมยรถบรรทุก,ยาเสพติด,รถบรรทุก

1,892 ครั้ง
|
05 ก.ย. 2562
วันที่ 5 ก.ย. 62 พ.ต.อ.ปรเมษฐ โพยนอก ผู้กำกับการตำรวจนครบาลคลองตัน พร้อมด้วย พ.ต.ท.เรวัช ราชสังข์ รอง ผู้กำกับการสืบสวน และ พ.ต.ต.ธนาธิป ครองงาม สารวัตรสืบสวน ร่วมกันนำกำลังตำรวจนครบาลคลองตัน จับกุมนายจิรเดช แร่จั่น อายุ 39 ปี และนายสุรศักดิ์ กัลยาสิทธิ์ อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์ พร้อมของกลางรถบรรทุก ยี่ห้อเกีย สีขาว, โทรทัศน์ติดผนัง ยี่ห้อซัมซุง ขนาด 75 นิ้ว 1 เครื่อง, คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ยี่ห้อ ienovo จำนวน 1 ชุด, คอมพิวเตอร์โน้ตบุค จำนวน 1 เครื่อง, กระเป๋าเครื่องช่าง จำนวน 1 ชุด, ไดร์เป่าผมร้อน จำนวน 1 เครื่อง, เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ จำนวน 1 เครื่อง และเครื่องดูดฝุ่น ยี่ห้อฮิตตาชิ จำนวน 1 เครื่อง โดยจับกุมได้บริเวณถนนศรีสงคราม-ท่าแร่ ตำบลบ้านเอื้อง อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม
 
โดยคดีนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 1 ก.ย. เวลาประมาณ 15.20 น. ตำรวจนครบาลคลองตัน ได้รับแจ้ง เหตุลักรถบรรทุกในบริษัท ซอยพัฒนาการ 40 แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร จึงตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดของบริษัทได้บันทึกภาพผู้ก่อเหตุ เป็นผู้ต้องหาทั้งสองคน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ รปภ.ประจำบริษัทแห่งนี้แล้วหลบหนีไป 
 
ตำรวจ ฝ่ายสืบสวนทราบว่านายสุรศักดิ์ มีภูมิลำเนา ในตำบลศรีสงคราม อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม จากนั้นจึงเดินทางติดตามพร้อมประสานตำรวจภูธรศรีสงคราม เพื่อตรวจสอบบ้านของผู้ต้องหา ต่อมาตำรวจชุดจับกุมได้พบเห็นรถคันดังกล่าวแล่นผ่านบริเวณหน้าห้างโลตัสศรีสงครามมุ่งหน้าท่าแร่เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ติดตามไปจนสามารถจับกุมได้
 
จากการสอบสวน ผู้ต้องหาทั้งสอง ให้การว่า ได้ร่วมกันลักเอารถยนต์คันดังกล่าวพร้อม ของกลางที่เหลือ ได้มาจากบริษัทจริง โดยตั้งใจจะนำรถไปขายเพื่อซื้อยาเสพติด เนื่องจากติดยาเสพติดอย่างหนัก จนร่วมกันลงมือครั้งนี้ แต่ไม่รู้จะนำไปขายที่ใด จึงขับกลับภูมิลำเนาจังหวัดนครพนม ก่อนมาถูกตำรวจจับกุมไว้ได้ 
 
ทั้งนี้เมื่อตรวจสอบประวัติพบว่านาย จิรเดช เคยมีลักทรัพย์ และคดีเสพยา เมื่อปี 57 เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถาน” ก่อนนำส่งตัวพนักงานสอบสวน ตำรวจนครบาลคลองตัน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง