จากกรณีคนร้ายบุกปล้นร้านทอง ห้างทองสุธาดา กลางตลาดนาทวี อ.นาทวี จ.สงขลา กวาดทองรูปพรรณน้ำหนัก 3,300 บาท มูลค่ากว่า 85 ล้านบาทพร้อมเครื่องเพชรและทองแท่งอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งคดีนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งหาเบาะแสกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุซึ่งมีประมาณ 17-20 คนและเชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 3 ก.ย. 62 พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. และคณะ ได้เดินทางมาติดตามความคืบหน้าของคดี โดยได้ลงตรวจบริเวณร้านทอง พร้อมกับพูดคุย และให้กำลังใจ นายสมัคร อนุจร อายุ 56 ปี เจ้าของร้านทอง ซึ่งยังคงมีกำลังใจ และจะกลับมาเปิดร้านทองอีกครั้งในเร็วๆ นี้
จากนั้น พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ได้เดินทางมายังห้องประชุม สภ.นาทวี เพื่อประชุมสรุป และตืดตามความคืบหน้าคดีกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งตำรวจภูธร ภาค 9 ตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี ตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา ชุดสืบสวน ชุดพิสูจน์หลักฐาน รวมทั้งทหาร และฝ่ายปกครอง ซึ่งขณะนี้มีความชัดเจน และสามารถทราบตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุแล้ว
โดยได้พยานหลักฐานที่สำคัญมาจากกล้องวงจรปิดที่สามารถจับภาพรถตู้ที่คนร้ายก่อเหตุปล้นมาจากพื้นที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี แล้วนำมาก่อเหตุปล้นร้านทองในพื้นที่ อ.นาทวี จ.สงขลา นอกจากนี้ยังมีภาพวงจรปิดจากภายในร้านทองบางส่วน รวมทั้งหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์จากการตรวจสอบดีเอ็นเอและลายนิ้วมือแฝงที่อยู่บนรถตู้ และจากการตรวจสอบปลอกกระสุนปืน 9 มม. จำนวน 3 ปลอก ที่คนร้ายใช้ยิงข่มขู่ชิงรถจักรยานยนต์ของชาวบ้านที่ขับผ่านมาก่อนหลบหนี ซึ่งพบว่า เคยใช้ก่อเหตุยิง อส. และ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เสียชีวิตรวม 3 ศพ ที่ตลาดนัดเชิงสะพานท่าหยี ม.6 ต.ท่าม่วง อ.เทพา จ.สงขลา เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 61
หลังการประชุมแล้วเสร็จพล.ต.อ.ศรีวราห์ ได้เดินทางไปศาลจังหวัดนาทวี เพื่อยื่นคำร้องขออนุมัติออกหมายจับ และศาลได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้จำนวน 6 คน ประกอบด้วย นายแวอูเซ็ง ดือราเฮ็ง อายุ 33 ปี ชาว อ.หนองจิก จ.ปัตตานี , นายไซฟูดดิน หะยีปูเต๊ะ อายุ 31 ปี ชาว อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี , นายรอซารี หลำโสะ อายุ 29 ปี ชาว อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา และ นายซอบรี หลำโสะ อายุ 29 ปี ชาว อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา
โดยทั้งหมดเป็นกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และมีหมายจับ ป.วิอาญา ติดตัวทุกคน ส่วนผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับอีก 2 คน ที่เหลือนั้น เจ้าหน้าที่ขอปิดนาม เนื่องจากเป็นกลุ่มก่อเหตุความไม่สงบหน้าใหม่ และเพิ่งเข้ามาร่วมก่อเหตุครั้งนี้เป็นครั้งแรก
โดยทั้งหมดถูกแจ้งข้อหาหนักรวม 8 ข้อหา ในฐานความผิด ร่วมกันก่อการร้ายโดยใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อสร้างความปั่นป่วนโดยให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน, ร่วมกันก่อการร้ายโดยการสะสมกำลังพล อาวุธ ทรัพย์สินเพื่อการ ก่อการร้าย หรือสมคบกันก่อการร้าย, ร่วมกันเป็นอั้งยี่และซ่องโจร, ปล้นทรัพย์และพยายามปล้นทรัพย์ฯ, ร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือให้พ้นการจับกุม และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์, ร่วมกันมีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมาย , ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และ ร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตฯ
+ อ่านเพิ่มเติม