นักธุรกิจอสังหาฯ ร้อง ปคบ. ถูกหลอกให้ซื้อห้องคอนโดหรู ย่านลาดพร้าว
logo ข่าวอัพเดท

นักธุรกิจอสังหาฯ ร้อง ปคบ. ถูกหลอกให้ซื้อห้องคอนโดหรู ย่านลาดพร้าว

ข่าวอัพเดท : นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ร้อง ปคบ. ดำเนินคดีกับเจ้าของโครงการสร้างคอนโดหรู ย่านลาดพร้าว กับพวก หลังไปซื้อห้องที่ประกาศขายเป็นสำนักงา นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์,ปคบ.,คอนโดหรู,ย่านลาดพร้าว

2,720 ครั้ง
|
30 ก.ค. 2562
นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ร้อง ปคบ. ดำเนินคดีกับเจ้าของโครงการสร้างคอนโดหรู ย่านลาดพร้าว กับพวก หลังไปซื้อห้องที่ประกาศขายเป็นสำนักงาน แล้ว เมื่อตกลงซื้อกลับถูกให้ยุติกิจการเพราะอ้างว่าห้องดังกล่าวสร้างไว้เพื่ออยู่อาศัย
 
วันที่ 30 ก.ค. นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ นำผู้เสียหายนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับผู้บริโภค หรือ ปคบ. หลังจากผู้เสียหายได้ตกลงซื้อห้องที่ประกาศขายเป็นสำนักงาน ที่ชั้นล่างของคอนโดแห่งหนึ่งในซอยลาดพร้าว เมื่อปี 2557 และถูกนิติบุคคลมาให้ออกจากพื้นที่เมื่อปี 2559 เนื่องจากอ้างว่าแบบแปลนที่ห้องดังกล่าวเป็นที่พักอาศัย
 
ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เมื่อต้นปี 2557 ได้ตกลงซื้อห้องดังกล่าวจากนางสาวสุภษา สิริธนาสาร ในราคา 2 ล้าน 6 แสนบาท โดยทางคอนโดโฆษณาไว้ว่าห้องดังกล่าวไว้เปิดเป็นสำนักงาน หรือทำธุรกิจเชิงพาณิชย์ ไม่สามารถพักอาศัยได้ และลักษณะที่ตั้งของห้องเป็นกระจกรอบด้าน รวมทั้งเข้าออกได้ทางเดียว ซึ่งนางสาวสุภษา ยืนยันว่าห้องนี้เป็นสำนักงานขายเก่าของคอนโด 
 
แต่เมื่อถึงเวลาโอนห้อง ผู้ขายอ้างว่าติดขัดเรื่องการโอน จึงขอเช่าห้องและตกแต่งห้องทำธุรกิจไปก่อน จนถึงเวลาซื้อขาย ผู้ขายขอขึ้นราคาห้องเป็น 3 ล้านบาท จึงจำเป็นต้องตัดสินใจซื้อ เพราะลงทุนไปแล้ว 
 
หลังจากดำเนินธุรกิจไปได้ประมาณ 3 ปี นิติบุคคลก็ได้มีคำสั่งให้ยุติกิจการในห้องดังกล่าว และนำแบบแปลนการก่อสร้างที่อ้างว่าห้องดังกล่าวสร้างเป็นที่พักอาศัยไม่ใช่เพื่อตั้งสำนักงาน ทำให้ต้องปิดบริษัท สร้างความเสียหายไปกว่า 30 ล้านบาท ซึ่งคดีนี้อยู่ระหว่างการดำเนินคดีอยู่ในศาลแพ่ง
 
ขณะที่นายอนันตชัย เปิดเผยว่า หลังได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหาย ก็ได้ไปสืบค้นเอกสารทั้งหมดจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับที่พักอาศัยนี้ พบว่าเอกสารการโฆษณาของคอนโด ประกาศขายเป็นห้องประกอบธุรกิจ และยื่นเอกสารกับกรมที่ดินว่าเป็นห้องประกอบการพาณิชย์เช่นกัน มีเพียงแบบพิมพ์เขียวที่จะต้องส่งรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หรือ อีไอเอ ที่ระบุห้องดังกล่าวเป็นที่พักอาศัย เนื่องจากจะได้ลดขั้นตอนรายผลกระทบสิ่งแวดล้อม
 
คดีนี้พบว่ามีผู้เกี่ยวข้องร่วมกับฉ้อโกงประชาชนทั้งบุคคล และนิติบุคคล รวม 9 ราย และแจ้งความกับ ปคบ.ในข้อหา ร่วมกันแจ้งความเท็จ แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ / ฉ้อโกงประชาชน / นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน
 
หลังจากนี้ก็จะไปยื่นเรื่องต่อสำนักการโยธา ให้ระงับการใช้และรื้อถอนอาคาร เนื่องจากแบบแปลนที่รายงานต่อหน่วยงานรัฐคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง และให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระงับการซื้อขายหุ้นของบริษัทเจ้าของโครงการด้วย
 
 
 
 
ขอบคุณภาพ : Facebook ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช 
 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง