ข่าวเย็นประเด็นร้อน - จากกรณีที่ไทยได้รับตัวเหยื่อค้ามนุษย์ชาวต่างชาติ 260 คน จากประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตอนแรกตำรวจไซเบอร์ บอกว่า คนที่ถูกหลอกไปมีแค่ 1 คน ส่วนใหญ่สมัครใจ แต่ต่อมาก็แก้ไขข้อมูลว่า ส่วนใหญ่ถูกหลอกไป สมัครใจแค่ 2-3 คน มาล่าสุดวันนี้ แก้ไขอีก บอกว่า มีเหยื่อจริงแค่ 4-5 ราย ส่วนใหญ่ปั้นเรื่องว่า ถูกหลอก เพราะกลัวถูกดำเนินคดี
คัดแยกแก๊งคอลเซนเตอร์ พบเหยื่อจริง 4-5 ราย
พลตำรวจตรี อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปิดเผยถึงความคืบหน้าการคัดแยกเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 260 คน ว่า ขณะนี้เข้าสู่กระบวนการกลไกการส่งต่อระดับชาติ มีการคัดกรองโดยสหวิชาชีพ
ขณะนี้มีหลายหน่วยงานเข้าไปบอกว่า กลุ่มคนเหล่านี้ไปเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ เมื่อถูกส่งกลับมาอาจจะต้องถูกดำเนินคดี ทำให้เกือบทั้งหมดร้องไห้ ปั้นเรื่องขึ้นมาว่า ตัวเองเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ ยกตัวอย่างคนแอฟริกาเข้าไปเป็นสแกมเมอร์นานกว่า 1 ปี อ้างว่า ถูกมอมยาสลบจากสุวรรณภูมิไปโผล่ที่เมียนมา ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะตรวจสอบพบว่า ไม่มีเงินติดตัวมาเลย และถ้าวางยาสลบได้ 8-9 ชั่วโมง คงเสียชีวิตไปแล้ว และยังพบว่า มีชาวญี่ปุ่น 4 คนเดินทางเข้ามา อ้างว่า ถูกหลอกไปค้ามนุษย์ แต่เมื่อตรวจสอบพบว่า มีการไปนอนแช่ออนเซ็นและนอนนวดอยู่ที่ อำเภอแม่สอด เพื่อเตรียมข้ามไปฝั่งตรงข้าม
พลตำรวจตรี อรรถสิทธิ์ บอกว่า ขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีข้อมูลทั้งหมดแล้วว่า คนที่เป็นเหยื่อโดนหลอกจริง ๆ มี 4-5 ราย ซึ่งน้อยมาก อาจจะมีคนญี่ปุ่น 2-3 คน และคนจีน 2-3 คน ส่วนคนที่กลับมาทั้งหมด แล้วบอกว่า ตัวเองเป็นเหยื่อนั้น พบว่า แท้จริงแล้วไม่ใช่ แต่เป็นคำให้การของพวกหลอกลวง มิจฉาชีพ ที่มีทักษะในการหลอกลวงสูง เมื่อกลับมาถึงเมืองไทยก็หลอกต่ออีก ในภาพรวม เชื่อว่า ส่วนใหญ่เป็นพวกสแกมเมอร์จริง ๆ
ด้าน นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก กล่าวถึงความคืบหน้าการเตรียมความพร้อมช่วยเหลือชาวต่างชาติที่ถูกปล่อยตัวจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์จากเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมาว่า จากรายงานล่าสุดทางการจีนมีความชัดเจนแล้วว่า จะเริ่มรับตัวชาวจีนในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ เบื้องต้นจะใช้สถานที่ในเส้นทางเดิมที่เคยรับ-ส่งตัว
ซึ่งตามขั้นตอนทางการจีนจะคัดกรองเหยื่อด้วยตนเองว่า ใครเป็นเหยื่อ ใครกระทำความผิด โดยดำเนินการเองทั้งหมดจากฝั่งเมียนมา และหลังจากคัดกรองเสร็จชาวจีนทั้งหมดจะขึ้นรถข้ามฝั่งสะพานมิตรภาพไทย-พม่า แห่งที่ 2 แล้วมุ่งตรงมาที่ท่าอากาศยานแม่สอด เพื่อขึ้นเครื่องบินกลับทันที โดยไม่ผ่านการคัดกรองตามกลไก NRM ของไทย จะผ่านแค่การตรวจด้วยระบบไบโอเมตริกซ์ ส่วนทางจังหวัดตากจะมีหน้าที่อำนวยความสะดวกในการจราจร ซึ่งจะไม่ให้เป็นปัญหาในการใช้ชีวิตของคนไทยในพื้นที่
โรม หวั่นไม่คัดแยกเหยื่อ จี้นายกฯ เร่งจัดการ
ล่าสุด นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร โพสต์เฟซบุ๊ก แสดงความเป็นห่วงกรณีดังกล่าวว่า เรื่องใหญ่มากนะครับ ถ้าคนที่เคยอยู่ในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จะถูกส่งตัวไปประเทศต่าง ๆ โดยไม่ผ่านกระบวนการคัดแยกเหยื่ออาชญากร เพราะหมายความว่า เราจะไม่มีข้อมูลสำคัญที่จะนำไปใช้เพื่อจัดการกับบรรดาอาชญากรต่าง ๆ ที่จะนำไปสู่การทลายโครงสร้าง อย่างถอนรากถอนโคน ต่อไปในอนาคตพวกนี้ก็จะสามารถกลับมาที่ประเทศไทยได้
ขอเรียกร้องไปยังรัฐบาล คุณแพทองธาร นายกรัฐมนตรีว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ท่านปล่อยให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด ท่านรับผิดชอบไม่ไหวหรอกครับ เราจะปล่อยโอกาสให้การทำข้อมูลเครือข่ายอาชญากรรมครั้งใหญ่หลุดรอดมือของเจ้าหน้าที่รัฐไทยไปได้อย่างไร เราจะไปหวังพึ่งประเทศอื่นให้มาจัดการปัญหาอาชญากรรมไม่ได้ ผลประโยชน์ของคนไทยประเทศไทยต้องจัดการเอง
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 16.00-17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35
+ อ่านเพิ่มเติม