บิ๊กช้าง ชี้งบกลาโหมไทยเป็นตามสากล ไม่เกิน 2 % ของจีดีพี ยุค คสช. แค่ 1.4-1.5 % หันงบสมมุติ 100 บาท งบที่ใช้ซื้อและซ่อมยุทโธปกรณ์มีแค่ 19 บาท ชี้น้อยมากในการพัฒนากองทัพ ชี้การซื้อยุทโธปกรณ์มีการตั้ง คกก.พิจารณาอย่างโปร่งใส่ แจงซื้อเรือดำน้ำคุ้มค่าปกป้องผลประโยชน์ทางทะเลของไทย 14 ล้านล้านบาท
วันที่ 26 ก.ค. พลเอกชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงต่อสภาถึงการจัดสรรงบประมาณกองทัพ ว่า เรื่องบประมาณกองทัพ ที่ผ่านมา 2 วัน มีการกล่าวถึงงบประมาณกองทัพ โดยแผนยุทธศาสตร์ป้องกันประเทศหรือระดับสากล เรื่องบประมาณกองทัพ ประเทศต่างๆก็อยู่ใน 2 % ของจีดีพี ที่ผ่านมา กองทัพไทยก่อนปี40 ก็อยู่ 2.2 -2.4 ของจีดีพี แต่หลังปี40 ที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ งบประมาณกองทัพ ก็ถูกปรับลดลง เหลือ 1.1 ของจีดีพี และเติบโตขึ้นมาบ้าง 1.2 – 1.3 ย้อนหลังไปรัฐบาลที่ผ่านมา อยู่ที่ 1.4-1.5 ของจีดีพี ในปี62 ก็อยู่ใน 1.3 ของจีดีพี
หากให้เห็นภาพชัดเจนในงบประมาณของกระทรวงกลาโหม ใน 100 บาท ประมาณ 47-48 บาท เป็นงบกำลังพลและบุคลลากร ประมาณ 23-24 บาท จะเป็นงบในการปฏิบัติภารกิจทั่วไปและภารกิจที่ได้รับภารกิจเพิ่มเติม ประมาณ 18-19 บาท จะเป็นงบพัฒนากองทัพ ซึ่งสัดส่วนนั้นจะเห็นได้ว่าน้อยมาก ในการพัฒนากองทัพ ซึ่งเรามียุทโธปกรณ์ที่มีอายุการใช้งานค่อนข้างมาก แล้วในอดีตที่ผ่านมานั้น เราไม่ได้รับงบประมาณที่จะซ่อมปรับปรุงเพิ่มให้มีการใช้งานได้ต่อเนื่อง งบใน 19 บาท ส่วนใหญ่ก็จะเป็นในเรื่องของการปรับปรุงให้สามารถใช้การได้ต่อไป ในส่วนที่ไม่สามารถซ่อมให้คืนสภาพ ก็จะเป็นการจัดหาทดแทน
ในการจัดหาทดแทนขอชี้แจงว่าในการจัดหาทดแทนเรามีคณะกรรมการจัดหา เรามีแผนยุทธศาสตร์ การประเมินภัยคุกคาม ว่าเราควรมีความเร่งในการจัดหายุทโธปกรณ์เช่นใด เสร็จแล้วก็ให้กองทัพได้ตั้ง คณะกรรมการมาคัดเลือกแบบคุณสมบัติให้ตรงกับการปฏิบัติการ ยุทธวิธีในแต่ละกองทัพ เราเสนอมาที่ ก.กลาโหม เมื่อทุกเหล่าทัพเสนอความต้องการ ในการดำเนินการก็มีคณะกรรมการคัดเลือกแบบ มีการดำเนินการที่ค่อนข้างจะโปร่งใส มีแผนดำเนินการชัดเจน ซึ่งเกิน 1 ใน 3 จะเป็นการจัดหาใหม่ เพื่อให้ได้ยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย เพราะไม่สามารถซ่อมทดแทนได้ ทั้งเรื่องรถเกราะ รถถัง
ส่วนเรือดำน้ำ เป็นยุทธศาสตร์ทางเรืองของ ทร. ในเรื่องผลประโยชน์ทางทะเล ที่ประเมินในทางเศรษฐกิจแล้วว่ามีกว่า 14 ล้านล้านบาทต่อปี มีเรือสินค้าเข้าออกอ่าวไทย ปีละมากกว่า 15,000 ลำ ซึ่งทร.มียุทธศาสตร์และขีดความสามารถในการปกป้องยุทธศาสตร์ทางทะเล เรือดำน้ำก็เป็นส่วนหนึ่ง
ซึ่งหลายประเทศในภูมิภาคมีการจัดหาเรือดำน้ำเข้ามาใช้งานแล้ว การจัดหาเรือดำน้ำ นายกฯ เรียนว่าไม่ใช้เสนอความต้องการวันนี้ แล้วพรุ่งนี้ได้ ใช้เวลาประมาณลำละ 6 ปี ในการส่งกำลังพลไปฝึกและเรือเข้าประจำการ โดยในการจัดหาไม่ได้จะไปทำให้ประเทศต่าง ๆ ไม่ไว้วางใจ เพราะประเทศต่าง ๆ ในอาเซียนมีการฝึกร่วมกัน เพื่อป้องปราม ฝึกปฏิบัติการและสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันด้วย ในขณะเดียวกันถ้าประเทศเกิดวิกฤติก็จะทำให้ประเทศไทยมีความมั่นคง ที่รักษาผลประโยชน์ทางทะเลของเราทุกคน
+ อ่านเพิ่มเติม