ผู้เสียหายอายุ 35 ปี นำหลักฐานการโอนเงิน และการสนทนาผ่านโปรแกรมไลน์ เข้าแจ้งความกับตำรวจกองปราบปราม หลังถูกหญิงสาวคนหนึ่งหลอกให้โอนเงินไปให้กว่า 7 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2558 ถึงปัจจุบัน
ผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อปี 2558 ผิดหวังกับความรักจึงได้เล่นเฟสบุ๊กและพบกับหญิงคนดังกล่าว จึงได้ตกลงคุยกันเรื่อยมา จากนั้นไม่นานหญิงคนดังกล่าวก็ได้ขอให้โอนเงินช่วยเหลือในหลายๆ เรื่อง โดยอ้างว่าจะใช้เงินรักษาโรคมะเร็ง ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ค่าดาวน์บ้านเพื่อไว้เป็นในเรือนหอ หลังจากแต่งงาน และให้ญาติยืมรวมแล้วกว่า 7 ล้านบาท
สำหรับการโอนเงินให้แต่ละครั้งจะมีตั้งแต่ 1,000 บาท ถึง 1 แสนบาท โดยโอนไปให้ 3 บัญชี มี 1 บัญชีที่หญิงคนดังกล่าวอ้างว่าเป็นของเพื่อนที่มีอาชีพครู และที่ผ่านมาไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน คุยกันผ่านโปรแกรมไลน์เท่านั้น เมื่อพยายามขอพบก็บ่ายเบี่ยง
ผู้เสียหายยังบอกว่า ระหว่างที่คุยกันมีบางครั้งที่ต้องการใช้เงินมาหมุนในธุรกิจของตัวเอง ก็ได้ขอยืมเงินมาบ้างประมาณ 1 ล้านบาท หญิงคนดังกล่าวก็ให้ยืมแต่คิดดอกเบี้ยร้อยละ 10 แต่ก็คิดว่าเงินจำนวนนี้เป็นเงินของตัวเองที่เคยให้ยืมไป
จนกระทั่งเริ่มรู้ตัวและไม่ให้เงินต่อ หญิงคนดังกล่าวก็เริ่มข่มขู่ว่าได้จ้างคนเตรียมมาฆ่าตัวเองและครอบครัว รวมทั้งรู้จักกับนักการเมือง และผู้มีอิทธิพล จากนั้นก็ไปข่มขู่แม่ของผู้เสียหายอีก ให้โอนเงินอีก 2 แสนบาท หากจะไม่ให้ฆ่าลูกชาย เพราะได้ตกลงจ้างมือปืนไปแล้ว ซึ่งเมื่อ 2-3 วันนี้ยังมาข่มขู่ทางไลน์อยู่
ผู้เสียหาย ยังคาดว่ากลุ่มนี้ทำกันเป็นขบวนการ เพราะมีตัวละครมาร่วมก่อเหตุอย่างน้อย 4 คน เข้ามาติดต่อ และระหว่างพูดคุยก็มีเพื่อนของฝ่ายหญิงมาพูดคุยให้เชื่อใจด้วย
ด้านนายเกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความ เปิดเผยว่า ได้มาแจ้งความที่กองปราบปรามมาครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ครั้งแล้ว เนื่องจากรอเอกสารของธนาคารมาประกอบ ซึ่งหลังจากติดต่อกับพนักงานสอบสวนแล้ว ได้แนะนำให้ไปแจ้งความที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. เพราะคดีมีความเกี่ยวข้องทางเทคโนโลยี
+ อ่านเพิ่มเติม