ผอ. และนักเรียนโรงเรียนดังในอำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย ที่เป็นข่าวในโลกโซเชียลเกี่ยวกับพานไหว้ครู แจงไม่มีตำรวจทหารมาสั่งให้ลบภาพ มีเพียงตำรวจมาดูแลความสงบเรียบร้อยในการจัดงาน ในขณะที่นักเรียนแจงต้องการแสดงให้เห็นการปกครองระบอบประชาธิปไตย เท่านั้น แล้วแต่มุมมองของแต่ละคนว่าจะมองเป็นแบบใด สำหรับพานตาชั่งนั้นต้องการสื่อ 250 สว.เป็นตัวแทนคนหลายล้านคน ด้านผอ.ชี้ ส่วนตาชั่งเอียง เพราะติดกาวไม่ดี
เมื่อช่วงสายวันนี้ (14 มิ.ย. 62) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปติดตามข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับข่าวพานไหว้ครูของโรงเรียนมัธยมดัง ในอำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย ที่มีข่าวในโลกโซเชียลว่ามีทหารและตำรวจเข้าไปสั่งให้ลบภาพ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันไปอย่างกว้างขวาง โดยนายพิพัฒน์ ศรีสุขพันธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียน พร้อมครูอาจารย์ และนักเรียนชั้น ม.6/2 ได้ร่วมกันชี้แจงรายละเอียดที่เกิดขึ้น และยืนยันว่าไม่ได้มีตำรวจและทหารเข้ามาสั่งให้ลบรูปภาพต่าง ๆ ออกจากโซเชียลแต่อย่างใด
นายพิพัฒน์ ศรีสุขพันธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียน เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ช่วงเช้าเป็นพิธีไหว้ครู ส่วนช่วงบ่ายเป็นกิจกรรมพี่น้องรหัส มีการนำนักเรียนกว่า 2,900 คน มาจัดกิจกรรมร่วมกัน ในช่วงบ่ายได้มีตำรวจเข้ามาช่วยดูแลความสงบเรียบร้อยเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอะไร เนื่องจากที่ผ่านมาเคยเกิดปัญหาการทะเลาะวิวาท ประกอบทางโรงเรียนได้ทำ MOU กับ สภ.โพนพิสัย อยู่แล้ว โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูแลให้จำนวน 2 นาย ตนก็นั่งทำงานอยู่ในห้องทำงาน ปรากฏว่ามีผู้สื่อข่าวสำนักข่าวหนึ่ง โทรมาหาตน บอกว่า ผอ.รู้ไหม ภาพพานในเฟสบุ๊กเป็นเรื่องแล้ว ตนก็ได้ถามกลับไปว่าพานมันเป็นอะไร เขาก็บอกว่าพานของเด็กมันมีปัญหา ตนก็ให้ส่งเฟสกลับมาตนดูเพื่อจะได้ตรวจสอบว่ามีปัญหาอะไร จากนั้นผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวก็ได้ถามตนต่อว่า ผอ.มีตำรวจและทหารเข้ามาในโรงเรียนไหม ตนก็ได้ตอบกลับไปว่า ทหารจะเข้ามาทำไม ไม่ได้เป็นเรื่องที่ทหารจะต้องเข้ามาเพราะตนเข้าใจว่าเป็นการไหว้ครูเท่านั้น แต่ตนตอบว่ามีตำรวจเข้ามา แต่เข้ามาดูแลความสงบความปลอดภัยเท่านั้น แต่กลับมีข่าวออกมาว่ามีตำรวจทหารเข้ามาสั่งให้ลบรูปออกจากเฟส จนกลายเป็นประเด็นกระจายออกไปทั่วประเทศ ตนจึงขอยืนยันว่าไม่ได้มีทหารเข้ามาในโรงเรียนแต่อย่างใด ที่ตำรวจเข้ามาก็เพื่อดูแลความสงบเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมไปถึง ผกก.โพนพิสัย ก็ได้มาอำนวยความสะดวกที่ถนนบริเวณหน้าโรงเรียนเป็นประจำแต่เช้าทุกวันอยู่แล้ว
ผู้อำนวยการโรงเรียน กล่าวต่อไปอีกว่า หลังจากตนทราบเรื่องก็ได้ให้เอาพานไหว้ครูมาดู ก็เป็นพานตามรูปที่มีการลงในโซเชียล ก็ได้สอบความถามความคิดเห็นของเด็กในการทำพานแบบนี้ ว่ามีจุดประสงค์อะไร ซึ่งเจตนาของเด็กนั้นเป็นความคิดที่ริเริ่มสร้างสรรค์ มีจิตใจชอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อนุสาวรีย์แสดงให้เห็นสิ่งที่บรรพบุรุษของเราสร้างมา จึงมีพวงมาลัยและธูปเทียนมากราบไหว้ ส่วนพานรูปตาชั่งนั้น แสดงให้เห็นว่ามีแต่คนโจมตี 250 ส.ว. เขาอยากจะแสดงให้เห็นว่า ส.ว.เป็นตัวแทนของคนหลายล้านคนที่อยู่ในประเทศไทย ซึ่งรัฐธรรมนูญเป็นตัวกำหนด รูปที่ถ่ายออกมาตาชั่งมองดูเอียง เพราะเป็นการถ่ายด้านข้าง ประกอบการติดกาวไม่ดีจึงทำให้เอียง ซึ่งพานที่ทำขึ้นเป็นการสร้างสรรค์ของเด็กนักเรียน วันนี้ก็มีแถลงการณ์ของสภานักเรียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ผ่านเฟสบุ๊กด้วย
ผู้อำนวยการโรงเรียน กล่าวต่อไปอีกว่า โรงเรียนไม่ได้ฝักใฝ่เรื่องการเมือง และนักการเมืองไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมไหว้ครูของโรงเรียนอยู่แล้ว โรงเรียนมุ่งมั่นในการพัฒนาการศึกษา ได้รับรางวัลมากมาย ซึ่งโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนที่มีการแข่งขันสูง มีมาตรฐานสากล เป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงมากว่า 50 ปี เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้โรงเรียนเสียชื่อเสียง ซึ่งโรงเรียนจะนำเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาททำให้โรงเรียนเสียชื่อเสียง ส่วนที่บอกว่าตนปิดกั้นเด็กนั้นไม่ใช่ เพียงแต่ให้คำแนะนำให้รู้จักวิเคราะห์และวินิจฉัยเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเท่านั้น แล้วเก็บเกี่ยวเป็นประสบการณ์นำไปพัฒนาในการดำเนินชีวิตของเรา เมื่อถึงอายุที่มีสิทธิเลือกตั้ง ก็จะทำให้เลือกตั้งคนที่มีคุณภาพเข้าไปบริหารประเทศ ให้ประเทศชาติมีความเจริญรุ่งเรืองต่อไป
ทางด้านเด็กนักเรียนชั้น ม.6/2 ที่เป็นคนทำพานไหว้ครูขึ้นมานั้นได้ชี้แจงว่า ต้องการจะสื่อให้เห็นถึงว่านักเรียนชั้น ม.6/2 ทุกคนยังรักประชาธิปไตย ซึ่งทุกวันนี้ไม่ค่อยจะมีแล้ว ไม่ได้มีเจตนาที่จะลบหลู่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และต้องการสื่อให้เห็นว่า อนุสาวรีย์ที่เกิดขึ้นมันผ่านเหตุการณ์อะไรมาบ้างจนถึงปัจจุบัน จึงสื่อออกมาในรูปแบบของพานไหว้ครู ส่วนพานที่เป็นรูปตาชั่งนั้น ต้องการสื่อให้เห็นว่า ส.ว.250 คน เป็นตัวแทนของประชาชนหลายล้านเสียง ซึ่งแล้วแต่คนจะมองว่ามันสื่อไปในทางไหน ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแต่ละคน
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเด็กนักเรียน ได้เล่าให้ฟังว่า เป็นการจัดกิจกรรม พี่น้องรับน้องสายรหัส ม.ต้นของโรงเรียน ในขณะที่พวกตนและเพื่อน ๆ อยู่บนห้องเพื่อรอไหว้ครูพวกตนได้ยินและได้เห็นเพื่อนหลาย ๆ ห้องแจ้งเข้ามาให้ทราบว่ามีตำรวจเข้ามา พวกตนจึงได้ไปดูพานไหว้ครูที่ห้องโสตที่พวกตนเก็บพานไว้ ก็ไม่เห็นพานแล้ว จึงสงสัยว่าพานหายไปไหนแล้วเท่านั้น แต่ไม่ได้มีใครมาขู่หรือบังคับให้ลบรูปภาพอะไรทั้งนั้น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
+ อ่านเพิ่มเติม