คืบหน้าคดีฆ่ายกครัวสะเทือนขวัญ นายวรยุทธ สังหลัง อายุ 46 ปี หรือผู้ใหญ่บัติ อดีตผู้ใหญ่บ้านเขางาม หมู่ 1 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ พร้อมครอบครัวรวม 8 ศพ เมื่อวันที่ 10 ก.ค.60 โดยมีนายซูริคฟิต หรือ บังฟัต บ้านนพวงศ์สกุล อายุ 41 ปี เป็นคนก่อเหตุและบงการพร้อมกับพวกรวม 7 คน
โดยบังฟัตสารภาพว่าปมเหตุมาจากเรื่องขัดแย้งที่ดิน ที่มีการนำที่ดินของนายจรีย์ บุตรเติบ อายุ 58 ปี พ่อตาผู้ใหญ่บัติ ไปจำนองกับบังฟัต ต่อมาทางผู้ใหญ่บัติก็ได้นำเงินไปไถ่ถอนกับบังฟัต แต่กลับพบว่าถูกบังฟัตนำไปจำนองต่อธนาคารแล้ว จนมีการฟ้องร้องกันเกิดขึ้น โดยศาลชั้นต้นพิพากษาประหารชีวิตบังฟัตพร้อมพวก
ทั้งนี้ ศาลอุทธรณ์ภาค 8 นัดฟังคำพิพากษาคดีนี้ ในวันที่ 4 มิ.ย. เวลา 09.00 น. ที่ศาลจังหวัดกระบี่ หลังทนายความยื่นอุทธรณ์เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้จำเลยทั้ง 8 คน ถูกคุมขังที่เรือนจำจังหวัดนครศรีธรรมราช หลังศาลชั้นต้นตัดสินประหารชีวิตบังฟัตและจำเลยรวม 6 คน ส่วนจำเลยอีก 2 คน คือ นางชลิดา สังข์โชติ ภรรยาบังฟัต รับโทษจำคุก 12 เดือน และนายธวัชชัย บุญคง จำคุก 1 ปี 9 เดือน ล่าสุดได้พ้นโทษออกมาแล้ว
ขณะที่นายจรีย์ บุตรเติบ พ่อตาผู้ใหญ่บัติ กล่าวว่า คนในครอบครัวตั้งใจเดินทางไปร่วมฟังคำพิพากษา และมีความเชื่อมั่นในกระบวนยุติธรรมว่าศาลอุทธรณ์จะพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น คือให้ประหารชีวิตจำเลยทั้ง 6 คน เนื่องจากเป็นการกระทำที่โหดเหี้ยม และเพิ่มโทษจำเลยอีก 2 คนที่พ้นโทษไปแล้ว เพราะเชื่อว่ามีส่วนรู้เห็นกับเหตุฆาตกรรมดังกล่าว
ส่วนนายเกรียงศักดิ์ สารภี ทนายความของบังฟัต เปิดเผยว่า ขณะนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 8 นัดให้ทนายและจำเลยไปฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ที่ศาลจังหวัดกระบี่ ในวันที่ 4 มิ.ย. เวลา 09.00 น. หลังได้ยื่นอุทธรณ์ไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา โดยจำเลย 2 รายหลังจะมาฟังคำพิพากษาที่ศาลจังหวัดกระบี่ ส่วนบังฟัตและพวก 6 คน ที่อยู่ในเรือนจำนครศรีธรรมราชขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลว่าจะนำตัวมาฟังคำพิพากษาที่ศาลจังหวัดกระบี่หรือไม่
ก่อนหน้านี้ที่บ้านเลขที่ 14/3 ม.1 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก ซึ่งเป็นบ้านผู้ใหญ่บ้านบัติที่ถูกฆ่ายกครัว พบว่าได้มีหนังสือประกาศจากสำนักงานบังคับคดีติดที่หน้าบ้าน โดยระบุว่าประกาศยึดทรัพย์ขายทอดตลาด สร้างความกังวลใจแก่บรรดาญาติของผู้ใหญ่บัติเป็นอย่างมาก เนื่องจากที่ดินพร้อมบ้านหลังดังกล่าว บังฟัตเป็นผู้นำไปจำนองไว้กับธนาคารไว้ก่อนหน้านี้ แต่ไม่ได้ชำระหนี้
โดยนายจรีย์ บุตรเติม พ่อตาผู้ใหญ่บัติ กล่าวว่า ขณะนี้ครอบครัวมีความกังวลมาก เพราะที่ดินที่ถูกประกาศยึดทรัพย์นั้นมี 2 แปลง เป็นที่บ้านของผู้ใหญ่บัติ 1 แปลง และที่บ้านของตนอีก 1 แปลง แต่ขณะนี้สำนักงานบังคับคดีจังหวัดกระบี่ได้ติดประกาศยึดทรัพย์ และเตรียมประกาศขายทอดตลาด ทำให้รู้สึกเป็นกังวลมาก เพราะหากมีการนำที่ดินไปขายทอดตลาด ตนและครอบครัว รวมถึงลูกของผู้ใหญ่บัติ เพียงคนเดียวที่รอดชีวิตจะกลายเป็นคนไร้ที่อยู่ทันที
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้หลายหน่วยงานได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้มีผลอะไร เพราะธนาคารถือว่าที่ดินของตนเป็นชื่อของบังฟัตไปแล้ว เบื้องต้นทนายความได้ร้องขัดทรัพย์ต่อศาลจังหวัดกระบี่ และศาลได้นัดไต่สวนในวันที่ 3 มิ.ย.นี้ แต่เนื่องจากตรงกับวันหยุดราชการ จึงขอเลื่อนไปเดือนก.ค.นี้
+ อ่านเพิ่มเติม