หลังจากที่ นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. ได้เปิดเผยข้อมูลการเข้ายื่นหนังสือแสดงความจำนงค์ขอคืนใบอนุญาตประกอบกิจการทีวีดิจิทัล ตามมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ ตามคำสั่งมาตรา 44 คสช. ที่กำหนดให้ผู้ประกอบการที่ต้องการคืนช่องทีวี สามารถแสดงความจำนงค์ได้
ได้ข้อสรุปว่า มีผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล จำนวน 7 ช่อง มายื่นหนังสือขอคืนใบอนุญาต ประกอบด้วย ช่องข่าว ช่องไบรท์ทีวี ช่อง 20, ช่องสปริงนิวส์ 19, ช่องวอยซ์ ทีวี 21
ช่อง SD (แสตนดาร์ด) มีช่อง สปริงส์นิวส์ 26 หรือ (ช่อง NOW เดิม) และ ช่อง 3SD (28) ขณะที่ช่องเด็ก หรือ ช่องแฟมิลี่ มีคืน 2 ช่อง คือ ช่อง 13 แฟมิลี่ และ ช่อง14 MCOT Family
ส่งผลให้ขณะนี้ เหลือช่องทีวีดิจิทัล 15 ช่อง รวมกับช่องสาธารณะ 4 ช่อง รวมทั้งหมดเหลือ 19 ช่อง ดังนี้
สำหรับขั้นตอนหลังจากวันนี้ไป ผู้ประกอบการจะต้องส่งแผนยุติกิจการให้ กสทช. รับทราบภายใน 60 วัน แต่หากทำแผนไม่ทันสามารถขอขยายเวลาเพิ่มได้อีกไม่เกิน 30 วัน พร้อมทั้งต้องส่งแผนการแจ้งให้ผู้ชมรับทราบผ่านทางหน้าจอโทรทัศน์ ล่วงหน้า 30 วัน ก่อนถึงวันยุติออกอากาศจริง
ซึ่ง กสทช. จะใช้เวลาอีกราว 30-45 วัน พิจารณาแผนทั้งการปรับโครงสร้างองค์กร และการเลิกจ้างพนักงานเป็นหลัก หากไม่มีปัญหาจึงจะอนุมัติให้ยุติประกอบกิจการได้ ซึ่งคาดว่าจะทยอยยุติออกอากาศภายในเดือน สิงหาคม 2562
ส่วนการจ่ายเงินชดเชยคืนให้กับผู้ประกอบกิจการนั้น จะได้รับคืนหลังจากยุติกิจการไปแล้ว 1 วัน โดยจะนำเงินจาก ‘กองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ’ มาจ่ายไปก่อน
ทั้งนี้ เงินชดเชยคืนของแต่ละช่องจะได้รับในจำนวนที่ไม่เท่ากัน โดยจะขึ้นอยู่กับผลประกอบการในช่วง 5 ปีที่ประกอบกิจการทำธุรกิจทีวีดิจิทัล
โดยขณะนี้ กสทช. ได้สรุปกำหนดสูตรในการจ่ายผู้ประกอบการไว้แล้ว ซึ่งหากผู้ประกอบการไม่ยื่นเอกสาร กสทช.จะตั้งสมมติฐานว่าได้กำไรแต่ละช่องเฉลี่ยได้คืนประมาณ 55% ของเงินประมูลที่จ่ายไป เช่น ช่อง 3 หากคืน 2 ช่อง ก็จะแยกรายละเอียดแต่ละช่อง
+ อ่านเพิ่มเติม