วันที่ 8 พ.ค. 62 เมื่อเวลา 10.00 น. ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดอ่านคำพิพากษาคดีที่นางจุฑามาศ ศิริวรรณ อดีตผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. และ น.ส.จิตติโสภา ศิริวรรณ บุตรสาว ตกเป็นจำเลยในความผิดเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับสินบน และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ และความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือ ฮั้วประมูล
กรณีเรียกรับเงินจากนายเจอรัลด์ และนางแพทริเซีย กรีน 2 สามี-ภรรยานักธุรกิจภาพยนตร์สัญชาติอเมริกัน เพื่อให้ได้สิทธิในการจัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ หรือ บางกอกฟิล์ม เฟสติวัล ปี 2545 –2550 มูลค่ากว่า 60 ล้านบาท
ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าอุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้นบางส่วน ในประเด็นที่โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรียกรับเงินงานบางกอกฟิล์ม เฟสติวัล ปี 2550 ดังนั้น จึงพิพากษาแก้โทษจำคุกจำเลยที่ 2 จาก 11 กระทง เหลือ 10 กระทง คงเหลือจำคุก 40 ปี ส่วนโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ให้เป็นไปตามคำพิพากษาชั้นต้น จำคุก 66 ปี แต่นับโทษคงจำคุกสูงสุด 50 ปี
ส่วนประเด็นการริบทรัพย์โดยมิชอบนั้น ศาลเห็นว่าอุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้น เนื่องจากคดีนี้โจทก์ไม่ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลริบทรัพย์ อีกทั้งเป็นคดีที่เกิดขึ้นก่อนที่พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิ ชอบ พ.ศ. 2559 ที่กำหนดให้ศาลมีอำนาจสั่งริบทรัพย์คดีทุจริตได้ไม่ว่าโจทก์จะร้องขอหรือไม่ จะมีผลบังคับใช้ ดังนั้นคดีนี้จึงให้ยึดถือตามกฎหมายเดิม ยกคำสั่งที่ให้ริบทรัพย์เงินจำนวน 1.8 ล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับคดีนี้ สืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกนางจุฑามาศ จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 66 ปี แต่นับโทษคงจำคุกสูงสุด 50 ปี และจำคุกนางสาวจิตติโสภา 44 ปี เนื่องจากมีหลักฐานว่านักธุรกิจสองสามีภรรยาโอนเงินเข้าบัญชีของจำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้เซ็นอนุมัติ และสั่งริบเงินจำนวน 1.8 ล้านเหรียญสหรัฐ และดอกผล ซึ่งศาลกำหนดทรัพย์สินเป็นเงิน 62 ล้านบาทเศษ ให้ตกเป็นของแผ่นดิน แต่จำเลยยื่นอุธรณ์
+ อ่านเพิ่มเติม