ผบก.น.5 กำหนดกรอบ 7 วัน สืบหาปืน สน.ทองหล่อ หาย
logo ข่าวอัพเดท

ผบก.น.5 กำหนดกรอบ 7 วัน สืบหาปืน สน.ทองหล่อ หาย

ข่าวอัพเดท : ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 ยืนยัน อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ถึงสาเหตุที่อาวุธปืนหายไปจาก สน.ทองหล่อ กำหนดกรอบเวล สน.ทองหล่อ,ผู้บังคับการตำรวจนครบาล5,ปืนหาย

2,027 ครั้ง
|
14 เม.ย. 2562
ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 ยืนยัน อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ถึงสาเหตุที่อาวุธปืนหายไปจาก สน.ทองหล่อ กำหนดกรอบเวลาภายใน 7 วัน
 
จากกรณีที่มีกระแสข่าวว่ามีอาวุธปืนหายไปจากสนทองหล่อจำนวน 11 กระบอก ในช่วงรอยต่อระหว่างปี 2561-2562 จนมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนภายในสนเพื่อหาผู้ที่นำปืนจำนวนดังกล่าวออกจากสนไป
 
พลตำรวจตรีมงคล วรุณโณ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลรายงานเบื้องต้นพบว่า ปืนหายไปจำนวน 11 กระบอก เป็นอาวุธปืนลูกโม่ 9 กระบอก อาวุธปืนกึ่งอัตโนมัติซิกซาวเออร์ 2 กระบอก โดยปืนจำนวนดังกล่าวถูกเก็บไว้ที่ห้องการเงินชั้น 3 ของ สน.ทองหล่อ โดยมีการเช็คยอดกำลังพลและสรรพาวุธล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคม 2561 ต่อมาในเดือนมีนาคม 2562 ซึ่งเป็นช่วงรับมอบตำแหน่งผู้กำกับการคนใหม่ ได้มีการเช็คยอดกำลังพลและสรรพาวุธ กับพบว่าอาวุธปืนจำนวนดังกล่าวหายไปจากที่เก็บรักษา จึงมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนในระดับสน.เพื่อหาว่าปืนจำนวนดังกล่าวอยู่ที่ใด และหากมีผู้นำออกนอกสน.ใครเป็นคนนำไป 
 
โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนผู้ที่ทำงานภายใน ,ห้องคนถือกุญแจ, และผู้รับผิดชอบการเช็คยอดจำนวนสรรพาวุธกำลังพล โดยตั้งกรอบเวลาไว้ว่า จะต้องทราบถึงสาเหตุที่อาวุธปืนหายไปภายใน 7 วัน นอกจากนี้ยังให้ชุดสืบสวนสอบสวนของกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 ลงไปตรวจสอบในเรื่องดังกล่าวด้วย โดยอยู่ระหว่างการสอบพยานบุคคลและไล่ภาพจากกล้องวงจรปิด เพื่อหาบุคคลดังกล่าว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดของกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องได้ แต่เชื่อว่าผู้ที่นำปืนออกจากที่เก็บรักษาเป็นคนในสน.อย่างแน่นอน เนื่องจากปืนอยู่ในที่เก็บรักษาที่ไม่มีบุคคลภายนอกสามารถเข้าถึงได้
 
ทั้งนี้ยืนยันว่า ผู้ที่นำปืนออกจากที่เก็บรักษาจะต้องถูกลงโทษทางวินัยและทางอาญาตามขั้นตอนกระบวนการ เนื่องจากถือว่าเป็นเรื่องที่บกพร่องต่อหน้าที่และเป็นการทุจริตต่อทรัพย์สินของราชการ ซึ่งพลตำรวจเอกจักรทิพย์ชัยจินดาผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและพลตำรวจโทสุทธิพงษ์วงษ์ปิ่นผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้สั่งการให้ติดตามเรื่องดังกล่าวอย่างถึงที่สุดและไม่มีการช่วยเหลือหรือละเว้นโทษทางวินัยและอาญากับเจ้าหน้าที่ตำรวจนายใด