3 สาวงามจากเวที มิสอินเตอร์เนชั่นแนล ควีน 2019 (Miss International Queen 2019) มาเปิดใจกับเรื่องเล่าเช้านี้ หลังได้รับตำแหน่ง โดยเวทีนี้เป็นการประกวดความงามระดับนานาชาติสำหรับสาวทรานส์เจนเดอร์หนึ่งเดียวในโลก เริ่มจัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2004-จนถึงปัจจุบัน ณ โรงละครทิฟฟานี่โชว์ พัทยา
โดยปีนี้ 20 ประเทศล้วนคัดสรรตัวแทนที่มีศักยภาพที่สุดเข้าลงชิงมงกุฎอันทรงเกียรติเพื่อแสดงจุดยืนเรื่องสิทธิความเท่าเทียมทางเพศในระดับสากลทั่วโลก ซึ่งผู้ครองมงกุฎในปีนี้ได้แก่ 'Jazell Barbie Royale' (จาเซลล์ บาร์บี้ รอยัลล์) จากสหรัฐอเมริกา
จาเซลล์ บอกว่าจุดเด่นที่ทำให้เธอชนะใจกรรมการนอกจากความสวยแล้ว เธอยังได้โชว์กึ๋น จากการตอบคำถามและทัศนคติที่ดี จนคว้ามงกุฎมาครอง เธอยังเล่าให้เราฟังว่าเธอมีหลายบทบาท ทั้งการเป็นเอ็นเตอร์เทนเนอร์, ผู้ประสานงานชุมชน และ HIV Tester ที่ทำหน้าที่ตรวจหาเชื้อ HIV ในสถานพยาบาลแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเธอบอกว่าสถานการณ์ผู้ติดเชื้อ HIV ในขณะนี้พุ่งสูงขึ้นมากเลยทีเดียว
ด้วยรูปลักษณ์และเสียงที่เป็นเหมือนผู้หญิง ทำให้เธอต้องผ่านประสบการณ์การถูกกลั่นแกล้ง (Bully) แต่เธอได้ใช้เสียงเพลงเป็นเครื่องเยียวยาจิตใจ จนทำให้ผ่านมาได้และประสบความสำเร็จในปัจจุบัน เธอยังเล่าถึงความเสรีทางเพศในสหรัฐฯ ที่ปัจจุบันมีกฎหมายรับรองให้กลุ่มเพศที่ 3 มากขึ้น โดยตัวเธอก็ได้รับเอกสารระบุตัวตนเป็นผู้หญิงแล้วเช่นกัน
ด้าน 'เอดม่อนด์-กานต์วรา แก้วจินต์' หลังจากได้ตำแหน่งมิสทิฟฟานี่ยูนิเวิร์ส ก็ได้ฟิตซ้อมความพร้อมสู่การประกวดมิสอินเตอร์เนชั่นแนล ควีน 2019 ในฐานะตัวแทนสาวไทย จนผลงานเข้าตาคว้ารองชนะเลิศอันดับ 1 มาครอง พร้อมการเป็นเจ้าภาพที่ดีในเวลาเดียวกัน ซึ่งเธอตั้งใจจะเป็นกระบอกเสียงให้ LGBT ในประเทศและทั่วโลกยอมรับสิทธิความเท่าเทียมกัน มุมมองโลกต่อเพศทางเลือกเปิดมากขึ้น
ทั้งนี้เอดม่อนด์ ยอมรับว่าโชคดีที่ครอบครัวเข้าใจในสิ่งที่เธอเป็น ถึงขนาดที่พ่อแนะนำให้เธอไปเรียน รด.เพื่อที่จะไม่ต้องเข้ารับเกณฑ์ทหาร และมีคนรอบตัวที่ยอมรับกับสิ่งที่เธอเป็น ทำให้เธอไม่ต้องพบเจอประสบการณ์เลวร้ายจากการถูก Bully
และในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งนี้ เอดม่อนด์ยังได้ฝากถึงรัฐบาลใหม่ ในเรื่องความเท่าเทียมทางเพศ ซึ่งสิ่งที่อยากผลักดันให้เกิดเร็วที่สุด คือการเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อให้ตรงเพศสภาพ เพราะต้องยอมรับว่า เป็นปัญหาที่กระทบต่อการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะการเดินทางในต่างประเทศ
ปิดท้ายกับสาวจีน 'ญาญ่า' ครูสอนร้องเพลง ที่มาเดินตามความฝัน จนคว้ารองชนะเลิศอันดับ 2 มาครอง ชีวิตเธอน่าสนใจเลยทีเดียว เธอเล่าว่า เป็นลูกชายคนเดียวในตระกูลคนจีน ซึ่งการเกิดมาเป็นเพศสภาพเช่นนี้ ทำให้พ่อของเธอโกรธมาก ทำร้ายร่างกายจนมีรอยแผลเป็น คอยย้ำเตือนถึงความโหดร้ายมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ในความโชคร้ายก็มีความโชคดี เพราะเธอมีแม่ที่เข้าใจและอยู่เคียงข้าง คอยปกป้องเธอ จนยอมหย่าขาดจากสามีเลยทีเดียว
นอกจากนี้เธอยังเคยผ่านประสบการณ์การถูก Bully อย่างรุนแรง จากสภาพสังคมจีนที่เคร่งครัด ทำให้หลายคนไม่ยอมรับกับสิ่งที่เธอเป็น ในวัยเด็กเธอถูกกลั่นแกล้งหนักมาก ถึงขั้นถูกเพื่อนตามไปดูการเข้าห้องน้ำในโรงเรียน จนทำให้เธออับอาย ในขณะที่ครูก็ไม่ได้ช่วยเหลือมากนัก กลับตอกย้ำอีกว่า เพราะเธอเป็นเช่นนี้จึงถูกแกล้ง เธอต้องเลือกที่จะแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง ด้วยการหลักเลี่ยงที่จะดื่มน้ำ เพื่อไม่ให้ปวดฉี่ และจะได้ไม่ต้องเข้าห้องน้ำเลยทีเดียว
เมื่อโตขึ้น เธอจึงเลือกที่จะแก้แค้น ด้วยการทำชีวิตให้ประสบความสำเร็จ ให้พวกเหล่าคนที่เคยกลั่นแกล้งเธอในอดีตที่เป็นได้แค่ Loser ได้เห็น แต่ตัวเธอต่างหากที่กลายเป็น The Winner ที่แท้จริง
สาวประเภทสอง
มิสอินเตอร์เนชั่นแนลควีน
missinternationalqueen
มิสทิฟฟานี่
นางงามข้ามเพศ
กะเทย
ทรานส์เจนเดอร์
บูลลี่
bully