จับตำรวจนอกรีดแก็งรับจ้างยัดยาบ้า 4 ราย เมีย-แม่ของผู้ถูกยัดยาบ้า เชื่อ แขกดูไบ อยู่เบื้องหลัง หลังโกรธแค้นแพ้คดีเรื่องทรัพย์สิน เร่งขยายผลตามจับอีก 3 ร่วมขบวนการ
วันที่ 26 ก.พ. 62 เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ร.ต.อ.สามารถ คล่องดี พนักงานสอบสวน สภ.ดม ต.เทพรักษา อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ได้ควบคุม 4 ผู้ต้องหาขึ้นรถไปฝากขังที่ศาลจังหวัดสุรินทร์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย หลังมีส่วนเกี่ยวข้องในการร่วมกันกระทำความผิด เกี่ยวกับคดียัดยาบ้า จำนวน 135 เม็ด ให้กับนายอุดร ใจแม่น อายุ 31 ปี
โดย 1 ใน 4 ผู้ต้องหา เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สังกัด สภ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ โดยถูกจับกุมเมื่อวันที่ 24 ก.พ. 62 ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่ไปยังบ้านหลังหนึ่งใน อ.สังขะ จ.สุรินทร์ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับผู้เสียหายที่ถูกยัดยาบ้า แต่เจ้าตัวไม่อยู่บ้าน พบเพียงนางสุนี เบญจมาศ ภรรยานายอุดร และนางยิ้ม จันทร์โสร อายุ 53 ปี แม่ยายของนายอุดร ผู้เสียหาย และญาติพี่น้อง พร้อมกับเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า
เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 62 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 17.00 น. นายอุดร ได้ขับรถกระบะขนดอกดาวเรืองจอดอยู่ที่หน้าบ้าน อยู่ดีๆ ก็มีเจ้าหน้าที่ ตำรวจตระเวนชายแดน 217 จ.สุรินทร์ ประมาณ 8 นาย แสดงตัวเข้ามาจับยาบ้า โดยระบุว่ามีคนแจ้งว่าในรถคันนี้มียาบ้าซุกซ่อนอยู่
ซึ่งจากการตรวจค้นพบมียาบ้าจำนวน 135 เม็ด บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกมัดด้วยลวดห้อยอยู่กันชนหลังรถกระบะ ซึ่งระหว่างนั้นแต่ละคนรู้สึกงง และแปลกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากคนในครอบครัวไม่เคยมีใครยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดมาก่อน จากนั้น เจ้าหน้าที่ ตชด.217 ได้เชิญตัวลูกเขยตนไปสอบปากคำกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และถูกปล่อยตัวออกมา เนื่องจากทราบว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และผิดสังเกต
ซึ่งลูกเขยให้การกับ จนท.ตชด.217 จ.สุรินทร์ ไปว่า ก่อนหน้านี้เพียง 1 วันคือวันที่ 20 ม.ค.62 พบว่าในช่วงเช้ามีพระสงฆ์รูปหนึ่ง ซึ่งไม่เคยพบเห็นและรู้จักมาก่อน เดินทางมาพร้อมคนขับรถและเด็ก รวม 3 คน เข้ามาขอซื้อดอกดาวเรืองที่ตัดจากสวน ในราคา 500 บาท จากนั้นในช่วงเย็นพระสงฆ์รูปเดิมก็กลับมาขอซื้ออีก 500 บาท แต่คนขับรถไม่ใช่คนเดิม และมาเพียง 2 คน
โดยรถที่ขับมาก็ไม่มีทะเบียน จากนั้นไม่นาน ในช่วงค่ำ พระสงฆ์รูปเดิมก็ได้เดินมาขอความช่วยเหลืออีกบอกว่า รถติดหล่มอยู่ที่สวนดอกดาวเรือง ขอให้ลูกเขยต้องขับรถยนต์คันดังกล่าวไปช่วย โดยมีพระสงฆ์นั่งรถไปด้วย เมื่อไปถึงก็พบว่ารถไม่น่าจะติดหล่มลึกอะไร จึงใช้จอบเกลี่ยดินเพื่อให้รถขับออกไปได้ ซึ่งรถก็พุ่งออกไปได้ง่ายดาย แต่ระหว่างนั้นก็สังเกตว่ามีคนก้มๆ เงยๆ แถวใต้ท้องรถ แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร จึงถามพระสงฆ์ว่า แล้วอีกคนที่มาด้วยกันไปไหน พระสงฆ์ตอบว่าไปหายิงหนู จึงไม่ได้สนในจากนั้นต่างก็แยกย้ายกันกลับ และอีกวันต่อมาก็ถูกจับเรื่องยาบ้าที่ซุกซ่อนที่กันชนหลังดังกล่าว จึงได้เข้าแจ้งความกับ ตำรวจ สภ.ดม ก่อนที่ จนท.ตำรวจจะทำการสืบสวนขยายผลหาบุคคลที่โทรศัพท์มาแจ้งว่ามียาบ้าในรถดังกล่าวว่าเป็นใคร และสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติม จนเป็นที่มาของการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 4 คนได้ดังกล่าว
นางยิ้ม จันทร์โสร เล่าอีกว่า เหตุการณ์ดังกล่าว ตนตั้งข้อสังเกตว่า น่าจะเกิดจากชาวต่างชาติรายหนึ่ง ซึ่งเป็นแขกมาจากประเทศดูไบ ไม่ทราบชื่อ ที่เคยคบหากับลูกสาวของตนเองคือ น.ส.วิลาวัลย์ เบญจมาศ อายุ 27 ปี พึ่งคบกันได้ 1-2 ปี และได้เลิกรากัน เนื่องจากมีเรื่องฟ้องร้องกันเรื่องทรัพย์สิน ที่ทั้งคู่สร้างบ้านอยู่ที่ข้างบ้านของตนเองมาด้วยกัน จากนั้นศาลตัดสินให้ลูกสาวตนชนะคดี และไม่นานลูกเขยตนก็ถูกยัดยาบ้าดังกล่าว
จากนั้นผ่านไปประมาณ 1 สัปดาห์ แขกดูไบ ได้ให้ลูกสาวของตนไปหาที่ จ.พังงา ว่าจะให้เงิน 5 แสน ลูกสาวก็หลงเชื่อ ระหว่างที่นั่งรถแท็กซี่ด้วยกัน เมื่อรถใกล้ถึงด่านตรวจ แขกคนดังกล่าวได้ขอลงจากรถและให้เงินลูกสาวตนมา 1 หมื่นบาท เมื่อรถถึงด่านตรวจก็ถูกตำรวจจับกุม เนื่องจากพบว่ามียาบ้าจำนวน 55 เม็ด อยู่ในกระเป๋า ซึ่งลูกสาวของตนไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาบ้า และเชื่อว่าแขกดูไบ คนดังกล่าวน่ายัดยาลูกสาวของตนเอง และเหตุการณ์ยัดยาบ้า ก็เป็นเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันกับที่เกิดขึ้นกับลูกเขยของตน และมีระยะไล่เลี่ยกันอีกด้วย
นอกจากนี้ก่อนที่จะมีเหตุการณ์ยัดยา เมื่อต้นเดือนมกราคม 62 ที่ผ่านมา แขกดูไบรายนี้ ก็ได้เคยโทรศัพท์มาหาลูกสาวของตน ว่า พรุ่งนี้คอยดูดอกดาวเรืองในไร่ที่ปลูกไว้ 5 ไร่ จะมีอะไรเกิดขึ้น พอเช้ามาไปดูก็พบว่าดอกดาวเรืองทั้ง 5 ไร่ถูกฉีดพ่นยาฆ่าหญ้าเสียหายทั้งหมด จึงเชื่อได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกสาวและลูกเขยของตนเองเป็นแขกดูไบบุคคลเดียวกัน ที่อาจจ้างวานให้กลุ่มผู้ต้องหามาก่อเหตุดังกล่าวก็เป็นได้ และเชื่อว่าจริงๆ แล้วน่าจะพยายามยัดยาบ้าให้ลูกสาวตน แต่วันเกิดเหตุที่ยัดยาลูกเขย 135 เม็ดนั้น ลูกสาวไม่อยู่บ้าน เนื่องจากความแค้นที่แพ้คดีเรื่องทรัพย์สิน จึงพยายามยัดยาบ้าลูกสาวของตนอีกเป็นครั้งที่ 2
อย่างไรก็ตามตนขอฝากขอความเป็นธรรมจาก จนท.ตำรวจ ที่ จ.พังงา และศาลให้ความเป็นธรรมกับลูกสาวของตนเองด้วย ซึ่งตอนนี้ลูกสาวถูกดำเนินคดีและถูกกักขังอยู่ที่ จ.พังงา มาประมาณ 1 สัปดาห์แล้ว ตนไม่รู้จะไปเยี่ยมไปช่วยเหลือได้ยังไง ได้แต่หวังว่าและขอวอนให้กระทรวงยุติธรรมเข้าช่วยเหลือลูกสาวของตนด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จนท.ตำรวจ สภ.ดม อยู่ระหว่างขอหมายจับเพิ่มเติมกับผู้ต้องหาที่ร่วมอยู่ในขบวนการดังกล่าวอีก 3 ราย และคาดว่า 1 ใน 3 รายดังกล่าวที่เหลือ จะมี จนท.ตำรวจในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษร่วมอยู่อีกด้วย และเชื่อว่ายังมีผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอีกหลายรายที่เกี่ยวโยงกัน ซึ่ง จนท.ตำรวจอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนเพื่อติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็วที่สุด และเชื่อว่าจะสามารถจับกุมได้ทั้งเครือข่าย ในเร็วๆ นี้
ขณะที่ จนท.ตำรวจขอปกปิดข้อมูลไว้เป็นความลับ จากนั้นหน่วยงานระดับผู้บังคับบัญชาจะได้แถลงข่าวให้ประชาชนทราบอีกครั้งต่อไป