เกิดเหตุสะเทือนขวัญ ลูกใช้อาวุธมีดอีโต้ยาว 2 ฟุต ฆ่าพ่อแท้ๆตายคาบ้าน แม่กับพี่ชายเข้าห้ามถูกฟันสาหัส ญาติเผยก่อนเกิดเหตุไม่กี่วันนายเอสรายนี้พูดลอยๆ กับญาติว่าถ้าฆ่าพ่อแม่ตายแล้วจะทำให้รวย แต่ญาติๆไม่คิดว่าจะลงมือทำจริงเพราะเป็นผู้ป่วยจิตเวชขาดยา ด้านตำรวจควบคุมตัวสงบสติอารมณ์ในห้องขัง แถมวิ่งชนกำแพงในห้องขังต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด
เมื่อเวลา 15.30 น. (5 ม.ค.62 ) ที่สภ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น ร.ต.อ.นพดล ดีโนนโพธิ์ รอง สว.สอบสวน สภ.หนองเรือ ทำการสอบปากคำพยานที่เห็นเหตุการณ์และเข้าช่วยเหลือครอบครัวของนายสมยศ ภักดีแสน อายุ 63 ปี กรณีลูกชายทำร้ายบิดาจนเสียชีวิต มารดาและพี่ชายบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดเวลา 21.30 น.คืนวันที่ 4 มกราคม 2562ที่ผ่านมา
ภายหลังสอบปากคำพยานรายดังกล่าว ร.ต.อ.นพดล ดีโนนโพธิ์ กล่าวว่า พยานรายนี้มีบ้านอยู่ติดกับบ้านที่เกิดเหตุ โดยคืนที่ผ่านมา พยานได้ยินเสียงคนต่อสู้เอะอะโวยวายภายในบ้านของนายสมยศ ภักดีแสน จึงไปเคาะประตูเรียก กระทั่งนายสมยศเปิดประตูบ้าน จึงเห็นสภาพโชกเลือดเมื่อมองเข้าไปในห้องโถงภายในบ้านก็ เห็นนายยุทธนา หรือนายเอส ภักดีแสน อายุ 37 ปี กำลังต่อสู่กับพี่ชาย ชื่อนายเดชา ภักดีแสน อายุ 40 ปี อยู่บนที่นอน จึงตะโกนให้ญาติพี่น้องเพื่อนบ้านมาช่วยเหลือ
ญาติจึงเข้าไปแย่งมีดจากนายเอส เอาไว้ได้ พร้อมกับช่วยเหลือนายสมยศ ซึ่งถูกฟันที่ศรีษะ และหน้าอกหลายแผล และนางเสา ภักดีแสน อายุ59 ปี ภรรยา ซึ่งถูกฟันที่แขนสองข้าง ขาสองข้าง รวมทั้งนายเดชา ภักดีแสน อายุ 40 ปี ลูกชายคนโต ซึ่งถูกฟันตามร่างกายเป็นแผลฉกรรจ์หลายแผล ส่งรพ.ศูนย์ขอนแก่น แต่ขณะนำส่งรพ.นายสมยศ ก็สิ้นใจตายระหว่างทาง จึงมีเพียงนางเสา และนายเดชา ที่ยังรักษาตัวในรพ.ศูนย์ขอนแก่น
ร.ต.อ.นพดล ดีโนนโพธิ์ กล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.หนองเรือ รับแจ้งเหตุดังกล่าว เมื่อเวลาประมาณ 21.30 น.ว่ามีเหตุทำร้ายร่างกายที่บ้านมื่อไปตรวจที่เกิดเหตุพบเพียงกองเลือดบนที่นอนบริเวณห้องโถงหน้าทีวี พร้อมกับมีดอีโต้ 1 เล่ม ยาวประมาณ 2 ฟุตเปื้อนเลือดตกวางอยู่ และพบนายเอส ในสภาพร่างกายเต็มไปด้วยคราบเลือด ท่าทีสงบนิ่ง ซึ่งญาติพี่น้องต่างยืนยันว่า นายเอส คือคนที่ทำร้ายนายสมยศบิดาตัวเองจนตาย มารดาและพี่ชายบาดเจ็บสาหัส จึงควบคุมตัวไปที่สภ.หนองเรือ ทันทีพร้อมของกลางอาวุธมืดเปื้อนเลือด
ขณะนี้ได้ควบคุมตัวนายเอสไว้ในห้องควบคุมของสภ.หนองเรือ โดยมีเจ้าหน้าที่เข้าเวรยามดูแลตลอด 24 ชม. เพราะนายเอสมีอาการหลอน วิ่งชนผนังห้องควบคุม ในทางคดีนั้น ยังไม่ได้แจ้งข้อหา อยู่ระหว่างการรวบรวมพยาน หลักฐาน และจะสอบสวนนายเอสเสียก่อน เพราะในขณะนี้ยังพูดจาวกวน และถ้านายเอสมีสติก็จะสอบสวนและแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา และคุมตัวส่งฟ้องศาล ฝากขังผัดแรกตามขั้นตอนต่อไป แต่ในกรณีที่เป็นผู้ป่วยนั้น จะมีการประสานแพทย์จิตเวช ทำการตรวจสภาพจิตด้วยเช่นกัน
ก่อนจะเกิดเหตุร้าย นายเอส เคยพูดนางเสา ผู้เป็นมารดาว่า ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่แล้ว จะมีฐานะร่ำรวยใช่มั้ย แต่มารดาไม่ใส่ใจ จึงได้แต่คอยเตือนให้มารดาพานายเอสไปพบแพทย์ เพราะตอนเป็นหนุ่มวัยรุ่น นายเอสเคยติดสารระเหยจนประสาทหลอน มารดาจึงพาเข้ารักษาตัวที่รพ.จิตเวชขอนแก่น และรับประทานยาของรพ.มาอย่างต่อเนื่อง ระยะ 2-3ปีที่ผ่านมาจนถึงวันเกิดเหตุ นายเอสไม่ยอมกินยา และบอกว่าตัวเองหายแล้ว ซึ่งทุกคนก็เชื่อว่าหาย เพราะนายเอสมีอาการปกติ ใช้ชีวิตทั่วไป ไม่เคยทำร้ายหรือมีเรื่องกับใคร แต่มีความผิดปกติช่วงก่อนปีใหม่ ที่นายเอส มักจะถามมารดาและคนในหมู่บ้านว่า ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่แล้ว ฐานะจะร่ำรวยใช่หรือมั้ย กระทั่งเกิดเหตุร้ายขึ้นดังกล่าว ซึ่งหลังเกิดเหตุนายเอส พูดเพียงว่า มีคนมากระซิบให้ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ จึงเชื่อว่านายเอสเกิดอาการประสาทหลอน จากการขาดยา จนฆ่าพ่อตัวเอง
+ อ่านเพิ่มเติม