กำแพงโบสถ์วัดจมน้ำสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังพังเสียหาย หลังเกิดปรากฎการณ์คลื่นน้ำพัดกระหน่ำติดต่อกันหลายวัน หวั่นกระทบการท่องเที่ยว
โดยชาวบ้านในพื้นที่แจ้งว่า กำแพงโบสถ์ วัดจมน้ำ สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งของอำเภอสังขละบุรี ตั้งอยู่ในอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ์ จังหวัดกาญจนบุรี เกิดพังทลายลงมา คาดสาเหตุจากแรงคลื่นลมในช่วงเข้าสู่ฤดูหนาว รวมทั้งคลื่นจากเรือท่องเที่ยวที่นำนักท่องเที่ยวไปชมขับด้วยความเร็ว ส่งผลให้กำแพงด้านทิศเหนือทรุดตัวถล่มลงไปในน้ำ ความยาวกว่า 5 เมตร ขณะกำแพงส่วนที่เหลือ ชาวบ้าน และพระสงฆ์ ช่วยกันนำเชือกมารัดไว้ ป้องกันความเสียหายเพิ่ม พร้อมทั้งนำเหล็ก และ ไม้ไผ่มายึดผนังทั้งสี่ด้านของกำแพง เพื่อป้องกันการพังทลาย ก่อนประชุมหาทางแก้ไข หรือ ซ่อมแซมภายหลังน้ำลด
นายวันชัย ไม่มีนามสกุล ชาวบ้านวังกะ ที่ประกอบอาชีพขับเรือนำเที่ยว เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าในวันที่เกิดเหตุกำแพงโบสถ์พังถล่มลงมานั้น เป็นวันที่มีลมแรงจนเกิดคลื่นใหญ่ ไม่มีเรือลำใดออกจากท่าได้ กระทั่งคลื่นลมสงบจึงพบว่ากำแพงโบสถ์ได้รับความเสียหาย
ชาวบ้านและพระสงฆ์ พากันมาสำรวจและซ่อมแซมในส่วนของกำแพงที่ยังเหลือ พร้อมทั้งนำป้ายเตือนไม่ให้เข้าใกล้กำแพงที่เหลือมาติดประกาศไว้เพื่อป้องกันอันตราย เนื่องจากเริ่มมีรอยร้าวให้เห็น โดยส่วนตัวรู้สึกใจหาย เนื่องจากเกิดมาก็เห็นโบสถ์แห่งนี้แล้ว อีกทั้งสถานที่แห่งนี้ ยังสร้างงาน สร้างรายได้ให้คนที่นี่ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาดูและสำรวจความเสียหาย ช่วยซ่อมแซมให้กลับมาเหมือนเดิม พร้อมทั้งอยากขอความร่วมมือผู้ประกอบการเรือนำเที่ยวทุกลำ ให้ลดความเร็วเมื่อผ่านบริเวณนี้
ด้านนายปกรณ์ กรรณวัลลี นายอำเภอสังขละบุรี เปิดเผยว่าเบื้องต้นได้รับรายงานจากคณะกรรมการวัดวังก์วิเวการาม และฝ่ายครองในพื้นที่แล้ว คงต้องนัดหารือกันเพื่อหาแนวทางซ่อมแซม แต่เนื่องจากช่วงนี้น้ำยังสูง คงต้องรอให้นำลดลงก่อน เบื้องต้น ได้ให้เจ้าหน้าที่นำป้ายเตือนไปติดในพื้นที่ และขอความร่วมมือเรือทุกลำที่ผ่านบริเวณดังกล่าว ให้ลดความเร็ว หากเป็นไปได้อาจทำแพลูกบวบไม้ไผ่ ไปกันรอบๆโบสถ์เพื่อป้องกันคลื่นมากระทบผนังทั้งสี่ด้าน โดยจะเร่งหารือกับอุทยานแห่งชาติเขาแหลม เจ้าของพื้นที่ เพื่อลดความเสียหาย
สำหรับวัดจมน้ำ คือ วัดวังก์วิเวการาม เดิม ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่ถือว่าเป็น Unseen Thailand เพราะมีความแปลกที่มีซากสิ่งก่อสร้างของวัดเก่าของหลวงพ่ออุตตมะ (วัดวังก์วิเวการาม) เดิมก่อนถูกน้ำท่วม ซึ่งประกอบด้วย โบสถ์ หอระฆัง และศาลาวัด
นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวในช่วงฤดูร้อนช่วงเดือนมีนาคม - เมษายน เป็นช่วงหน้าแล้ง น้ำหลังเขื่อนลดลงมาก สามารถเดินเข้าไปเยี่ยมชมโบสถ์เก่าได้ ณ บริเวณสามประสบ ส่วนคนที่มาเที่ยวช่วงปลายฝนต้นหนาว ตั้งแต่ประมาณตุลาคม - มกราคม อาจได้เห็นแค่บางส่วนของตัวโบสถ์ที่โผล่พ้นน้ำ หรือบางทีก็จมน้ำเป็นเมืองบาดาล เห็นเพียงยอดหอระฆังเดิมเท่านั้นที่สูงพ้นน้ำ
วัดวังก์วิเวการาม สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2498 เป็นวัดที่เกิดจากพลังความเลื่อมใสศรัทธาต่อหลวงพ่ออุตตมะ จุดที่ตั้งของวัดอยู่ในบริเวณที่เรียกว่า สามประสบ คือ บริเวณเนินที่มีแม่น้ำ 3 สายมาบรรจบกัน คือ แม่น้ำบิคลี่ ซองกาเลีย และรันตี มารวมกันเป็นแม่น้ำแควน้อย
ในปี พ.ศ.2527 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ) มีโครงการสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ์ (เขื่อนเขาแหลม) เพื่อใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า ทางการจึงได้อพยพชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบออกจากบริเวณที่น้ำท่วม และย้ายวัดมาอยู่บนเนินเขาด้านฝั่งตะวันตกของลำน้ำแควน้อยในปัจจุบัน บริเวณวัดเดิม ถูกปล่อยให้จมอยู่ใต้น้ำ เป็นที่รู้จักกันในนามของวัดใต้น้ำ หรือ เมืองบาดาล ซึ่งกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญในแบบ Unseen Thailand จนถึงปัจจุบันนี้
ในช่วงหน้าแล้ง ช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม น้ำในแม่น้ำลดลงมากจนสามารถเดินเข้าไปในโบสถ์เก่าได้ สิ่งที่เหลือไว้ให้เห็น เป็นส่วนของกำแพงด้านนอกโบสถ์ ตัวโบสถ์เหลือเพียงผนัง ไม่มีส่วนหลังคาโบสถ์ให้เห็น ภายในผนังโบสถ์ยังมีให้เห็นลวดลายศิลปะแบบมอญหลงเหลือให้เห็น เป็นลายซุ้มองค์พระพุทธรูปอยู่ตามผนัง แต่เดิมมีทั้งหมด 2500 องค์ แต่ก็มีหลายส่วนที่หลุดหายออกไปเพราะโดนน้ำเซาะบ้าง หลุดหล่นลงมาแตกบ้าง ช่องประตูหน้าต่าง ยังเห็นร่องรอยกรอบของซุ้มประตูหน้าต่างเป็นลวดลายปราสาทยอดแหลม ด้านหน้าโบสถ์ยังเหลือส่วนที่เคยเป็นบันไดทางขึ้น ส่วนซุ้มประตูทางเข้าเขตอุโบสถ มีให้เห็นเพียงซุ้มประตูบางด้าน บริเวณด้านนอกโบสถ์จะเห็นเศียรพระหักวางไว้ ส่วนภายในมีรูปถ่ายหลวงพ่ออุตตมะให้นักท่องเที่ยวได้สักการะบูชา ซึ่งจะมีเด็กๆ ชาวมอญคอยเดินขายดอกไม้ และเป็นไกด์ให้ด้วย
+ อ่านเพิ่มเติม