'ปลอดประสพ' โพสต์เฟซบุ๊คย้อนรอยองค์กรอิสระ เหน็บ กปปส.เร่งหาทางปฏิรูป ปูดใครกัน 'แมลงสาบในแกงโฮะ'
ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี รักษาการรองนายกรัฐมนตรี โพสต์ความคิดเห็นลงเฟซบุ๊คส่วนตัวระบุว่า
ประเทศไทยมีวันนักขัตฤกษ์ที่เป็นทางการมากที่สุดในโลกคือมีถึง 16 วัน นี่หากบวกวันเสาร์ วันอาทิตย์เข้าไปอีก ประเทศไทยจะมีวันหยุดทำงานถึง 120 วัน มากเอาการใช่ไหมครับ
เรามีมกราคมเป็นวันปีใหม่สากล และ เราก็มีเมษายนสงกรานต์ เป็นวันปีใหม่ไทย เรายังมีกุมภาพันธ์เป็นวันตรุษจีน (สมัยนี้เป็นแฟชั่น ทุกคนใส่เสื้อสีแดงพรึ่บ) ธันวาคมก็เป็นคริสต์มาสของชาว Christian แถมยังมีวัน Valentine (วันแห่งความรัก) ซึ่งมักจะใกล้กับวันมาฆะอีกต่างหาก พูดง่ายๆคือ ใครเขามีอะไรไทยเอาหมดก็แล้วกัน (มีผู้รู้อธิบายว่าสังคมไทยเป็น Soft culture คือหัวอ่อนมีอะไรรับหมด)
หันมามองทางด้านตุลาการบ้าง ในปี พ.ศ.2540 มีการนำแนวคิดของศาลรัฐธรรมนูญเยอรมันมาใช้ในประเทศไทย (เพราะเผด็จการฮิตเลอร์ ประเทศเยอรมันจึงต้องสร้างกลไกป้องกันตนเองจากการเผชิญหน้ากับปัญหาที่จะมีต่อหลักการประชาธิปไตย) ในปี 2540 รัฐธรรมนูญได้มีบทบัญญัติ จัดตั้งศาลปกครอง (ความเดิมพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงใช้แนวคิดจากอังกฤษและฝรั่งเศสมาประยุกต์ ตราพระราชบัญญัติเคาน์ซิลออฟเสตท ทำหน้าที่ที่ปรึกษาการบริหารราชการแผ่นดินซึ่งก็คือภารกิจของศาลปกครองนั่นเอง)
ในปีพ.ศ. 2540 (อีกแล้ว) รัฐธรรมนูญได้บัญญัติให้มีผู้ตรวจการแผ่นดินมีฐานะเป็นองค์กรอิสระ (ตามใจชอบหรือเปล่า) มีหน้าที่ตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ (ภาษาอังกฤษเรียก Ombudman เป็นแนวคิดของประเทศแถบสแกนดิเนเวีย) และในปีเดียวกันนี้เองจาก กฎบัตรของ UN รัฐธรรมนูญได้กำหนดให้มีคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เพื่อทำหน้าที่คุ้มครอง และพิทักษ์สิทธิเสรีภาพของประชาชน (ในซีกที่ กสม.รัก) โดยมีฐานะเป็นองค์กรอิสระ
เพื่อติดตามและสอดส่องดูแลการเลือกตั้งในปี 2535 รัฐบาลท่าน อานันท์ ปันยารชุน ได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแล และต่อมาในปี 2540 รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน จึงได้บัญญัติให้มีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีฐานะเป็นองค์กรอิสระ (แปลว่าไม่ขึ้นกับใคร แต่อาจมีสิทธิเลือกรักใครเป็นพิเศษได้)
ทีนี้ก็มาถึง ป.ป.ช.ซึ่งมีที่มาย้อนได้ไปถึง รศ.127 (พ.ศ.2471) องค์กรนี้มีพัฒนาการมาตลอดคือ เปลี่ยนจาก กปช. มาเป็น กตภ. แล้วก็เป็น กตป. จนมาเป็น ป.ป.ช. ในที่สุด (คำย่อที่ผู้คนบอกไม่ค่อยเพราะพริ้งนัก)
เอาเป็นว่าใครมีอะไรประเทศไทยมีหมด ทำให้นึกถึงอาหารจีนที่เรียกว่า “จับฉ่าย” ซึ่งคนจีนเขาเอาผักที่เหลือจากการทำอาหารมาต้มรวมกัน พร้อมกับใส่หมูใส่ไก่ลงไป รสชาติอร่อยดีเหมาะรับประทานกับข้าวต้ม สำหรับชาวเหนือ (พวกเดียวกับ สปป.ล้านนา) เขามี “แกงโฮะ” คือเอาอาหารเหลือจากวัด คือแกงเขียวหวาน ผัดหน่อไม้ดอง และผัดวุ้นเส้นมาผัดรวมกัน รับประทานแล้วก็อร่อยดี
รวมความแล้วสำหรับไทย ใครมีอะไร เราเอาด้วยหมด ทีนี้หากได้ของดีมา และรู้จักใช้เหมือน จับฉ่าย หรือแกงโฮะ ผู้คนก็ชื่นชม (ผู้ดียังรับประทานจับฉ่ายเลย ) แต่หากเอามาแบบมั่วๆ ผสมเลอะเทอะ (สกปรก) และใช้เปะปะ (ไม่ตรง) ผู้คนก็ก่นด่าว่า ยกตัวอย่าง กกต. ต้องไม่ใช้คุณสมชัยแต่ผู้เดียว และต้องเร่งเลือกตั้ง ไม่ใช่ลากเลือกตั้ง ป.ป.ช. ก็ต้องไม่ใช้คุณวิชาเท่านั้น และต้องไม่เร่งเฉพาะกรณีท่านยิ่งลักษณ์ แต่แกล้งทำลืมเรื่องคุณอภิสิทธิ์ ศาลรัฐธรรมนูญก็มีแต่คุณจรัญเป็นพระเอกไม่ได้แล้ว และต้องไม่ตีความมั่วจนคนรับไม่ได้ เช่น เรื่อง ม.68 แม้แต่ศาลปกครองก็เถอะ หากหัวหน้าส่วนราชการแสดงความเป็นปฏิปักษ์ต่อนโยบายรัฐบาลอย่างเปิดเผย (ขึ้นเวที) แต่นายกย้ายไม่ได้ แล้วจะทำงานด้านความมั่นคง (ความลับ) ได้อย่างไร
ผมขอเรียนไปยังทุกท่านว่า ตำแหน่งหน้าที่ของท่านน่ะสำคัญและมีเกียรติมาก ผู้คนที่ตั้งท่านมา (ยกเว้นพวกปฏิวัติ) ล้วนอยากให้หน่วยงานของท่าน ช่วยบำรุงรักษาความยุติธรรมให้กับสังคม ช่วยสรรสร้างความเป็นนิติรัฐให้กับบ้านเมือง ขณะนี้ผู้คนไม่น้อย เขาหาว่าท่านไม่เป็นกลาง (จริงหรือไม่ท่านรู้อยู่แก่ใจ) บ้านเมืองขณะนี้แทบจะปริแตกอยู่แล้ว ท่านจะช่วยประสานให้ติด หรือจะช่วยปริให้ยิ่งแตกไปมากกว่านี้
สำหรับคณะ กปปส. ที่กำลังศึกษาการปฏิรูปอยู่ที่สวนลุม ก็ขอฝากเรื่องการปฏิรูปองค์กรอิสระเหล่านี้ไปด้วย มาช่วยกันคิด เผื่อวันหน้าเราจะได้ไม่ต้องมาทะเลาะกันอีก การเมืองยังไงก็ต้องมีขั้ว ถึงต่อให้เป็นกลาง แต่พอเข้าคูหายังไงก็ต้องเลือกคนใดคนหนึ่ง เมื่อกรรมการเป็นกลาง กฎเกณฑ์เป็นที่ยอมรับ แพ้ชนะอย่างไรเขาก็ยอมรับ
พวกคุณทำให้เป็นแกงโฮะ หรือจับฉ่ายให้ได้ซิ พวกผมยอมเสียตังค์ซื้อกิน แต่อย่าปล่อยให้แมลงสาบตกลงไปล่ะ มันแสนสกปรกครับ รับไม่ได้จริงๆ (แมลงสาบคือใครเอ่ย)