จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก ทนายนิด้า ได้โพสต์เรื่องราว ว่ามีคนไข้ถูกหมอข่มขืนกระทำชำเรา ขณะตรวจภายในโดยหมอคนดังกล่าวอ้างว่าใช้ของปลอมสอดใส่ไม่ได้ใช้ของตัวเอง แต่กลับใส่ถุงยางอนามัยให้ของปลอมด้วย โดยอ้างอีกว่าเป็นการกระตุ้นอารมณ์ทางเพศให้ฮอร์โมนหลั่งออกมาเพื่อลดความเจ็บปวด
ทั้งนี้ เพจเฟซบุ๊กทนายนิด้า ยังเผยอีกว่า จะเดินหน้าลุยคดีโดยไม่สนคำร้องของหมอที่ขอโอกาสให้ยุติการดำเนินคดี เพื่อที่จะได้ดูแลคนไข้คนอื่นต่อไป
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว วันนี้ (15 พ.ย.) ที่ จ.นครสวรรค์ หมอสูตินารีคนดังกล่าว ได้เข้าพบ พ.ต.ท.บุญเชิด จันทร์มณี รอง ผกก.สอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ ตามหมายเรียก หลังหญิงสาวชาวจังหวัดอุทัยธานีอายุ 28 ปี ได้เข้าแจ้งความโดยอ้างว่าถูกหมอสูตินารีคนดังกล่าวกระทำการอนาจารและข่มขืน โดยหมอสูตินารีปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย
ด้านหญิงสาวคนดังกล่าวได้เล่าให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฟังว่า เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2561 เวลาประมาณ 19.00 น. มีอาการปวดท้องจึงได้ไปหาหมอที่คลินิกสูตินารีในเมืองปากน้ำโพ เพื่อให้หมอดูอาการ โดยหมอได้ให้ไปเปลี่ยนใส่ผ้าถุงของคลินิกแล้วเข้าห้องตรวจนอนบนเตียงขาหยั่ง เพื่อตรวจภายใน
จากนั้นหมอได้ล็อคประตูห้องตรวจ ปิดไฟ จากนั้นก็เริ่มทำการตรวจโดยการใช้กล้องส่อง และอธิบายภายในของอวัยวะเพศที่แสดงผลบนจอภาพ หลังจากนั้นหมอได้ยืนขึ้นในลักษณะประชิดตัวแล้วนำเอาอวัยวะเพศชายเอามาถูตรงอวัยวะเพศของตนเองพร้อมทั้งเอามือกดลงที่ตรงท้องน้อย และตนเองก็บอกว่ารู้สึกเจ็บ จากนั้นหมอก็โน้มตัวลงมาหาตนเองลักษณะทับเลย พร้อมทั้งเอาปากมาเป่าลมที่บริเวณลำคอ ตนเห็นว่าไม่ใช่การตรวจแล้วจึงผลักออกไป แล้วตนเองก็ออกไปเปลี่ยนชุดจ่ายเงินแล้วกลับบ้านไป
ส่วนอาการปวดท้องนั้นยังไม่หายจึงได้เข้าไปหาหมออีกครั้งในวันที่ 21 ก.ย. 2561 หมอก็ทำลักษณะเดิมแต่ครั้งนี้ได้มีการซอกคอด้ายซ้าย และเอาอวัยวะเพศเข้าไปในช่องคลอดของตนเอง และมีการขยับเข้าออก โดยปากก็มีการจูบอยู่ประชั่วครู่คาดว่าน่าจะเสร็จกิจแล้ว หมอจึงลุกออกจากตัวของตนเองไป จึงได้เข้ามาแจ้งความและลงบันทึกประจำวันไว้เมื่อวันที่ 6 ต.ค. 61 เพื่อไม่อยากให้ใครได้รับความเสียหายแบบนี้อีก
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวน ได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อหมอสูตินารี ว่ากระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยบุคคลนั่นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือทำให้บุคคลนั่นเข้าใจผิดว่า ตนเป็นบุคคลอื่น และข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั่นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้
+ อ่านเพิ่มเติม