รวบแล้ว! สาวแสบตีสนิทเจ้าของร้านเสริมสวยก่อนฉกทรัพย์ ลั่นอยากได้เงินมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
(2 พ.ย. 61) เมื่อเวลา 12.45 น. กองกํากับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตํารวจนครบาล โดยพันตำรวจเอกพรศักดิ์ เลารุจิราลัย ผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน เปิดเผยถึงการจับกุมนางสาวปริชาติ ทะนันไชย อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ในข้อหา ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยจับกุมได้ที่ บริเวณชั้นล่างทางเข้าตึก อาคารเดอะทรีอินเตอร์เชนจ์คอนโด ตึกA ถนนประชาราษฎร์สาย 2 แขวงและเขตบางซื่อ กรุงเทพฯ นอกจากนี้ได้ตรวจยึดของกลาง 26 รายการ อาทิ บัตรกดเงินสด สร้อยคอทองคำ พระเครื่อง อีกจำนวนหนึ่ง
สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายจํานวนมาก ได้รับความเสียหาย จากการถูกคนร้ายเข้าไปลักทรัพย์ในสถานประกอบการ และเคหะสถาน ได้ทรัพย์สินไปเป็นจํานวนมาก โดยพฤติกรรมของคนร้ายจะเข้าไปในร้านเสริมสวยของผู้เสียหาย จากนั้นเมื่อได้โอกาส ขณะที่ผู้เสียหายไปเข้าห้องน้ํา หรือ อยู่พ้นสายตา คนร้ายจะรื้อค้นทรัพย์สินที่ผู้เสียหายวางไว้และเก็บไว้ในโต๊ะเก็บเงิน เมื่อได้ทรัพย์สินแล้วคนร้ายจะทำทีขอตัวกลับก่อน โดยอ้างว่าเพื่อนมารับ หรือมีธุระจะมาใช้บริการอีกครั้งในภายหลัง โดยได้ก่อเหตุในลักษณะเดียวกันนี้มาหลายครั้งแล้ว มักจะเลือกเฉพาะร้านเสริมสวย
ด้านพรรณธร ไชยศรวงค์สิริ อายุ 42 ปี ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนเปิดร้านเสริมสวยอยู่ฝั่งตรงข้ามห้างบิ๊กซีสะพานใหม่ ซึ่งก่อนหน้านี้คนร้ายได้เข้ามาเสริมสวยที่ร้านแล้ว 3 ครั้งและทุกครั้งก็จ่ายเงินตามปกติ ประกอบกับคนร้ายมีลักษณะบุคลิกภาพดี ตนจึงไม่คิดว่าจะเป็นมิจฉาชีพ ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.2561 คนร้ายได้เข้ามาแต่งหน้า และทำผมในราคา 800 บาท โดยที่ยังไม่ได้จ่ายเงิน อ้างว่ารอแฟนมารับแล้วจะจ่ายเงินให้ เมื่อพ้นสายตาตัวเอง คนร้ายได้ขโมยเอาทรัพย์สิน ทั้งเงินสด ล็อตเตอรี่ รวมมูลค่าประมาณ 10,000 บาท
ขณะที่นางสาวปริชาติ รับสารภาพว่าได้ก่อเหตุดังกล่าวจริง โดยเมื่อปี 2555 เคยก่อเหตุในลักษณะเดียวกันและถูกจับกุมดำเนินคดีมาแล้ว ทั้งนี้ตนไม่ได้ประกอบอาชีพอะไร โดยทำไปเพราะอยากได้เงินมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
พร้อมฝากเตือนประชาชนว่าควรระมัดระวัง เรื่องการเก็บรักษาทรัพย์สิน ตลอดจนสิ่งของมีค่าไว้ในที่ปลอดภัย ไม่ควรวางทรัพย์สินสิ่งของมีค่าไว้ในจุดที่คนร้ายสามารถหยิบฉวยได้โดยสะดวก ไม่ควรวางทรัพย์สินไว้ในลักษณะที่บุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ และควรติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อเป็นการป้องกัน เพราะหากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น จะได้ใช้เป็นหลักฐานในการติดตามจับกุมคนร้ายมาดําเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนผู้ที่ได้รับความเสียหายหากท่านใดยังไม่แจ้งความร้องทุกข์ขอให้ไปแจ้งความร้องทุกข์ในท้องที่เกี่ยวข้องเพื่อดําเนินคดีกับผู้ต้องหาในคดีนี้ เพื่อจะได้อายัดตัวผู้ต้องหานี้ตามกฎหมายต่อไป
+ อ่านเพิ่มเติม