ตำรวจสั่งยุติการสืบสวนคดีข่มขืนแหม่มสาวชาวอังกฤษบนเกาะเต่า หลังไม่พบความเชื่อมโยงผลสอบ คำให้การและวัตถุพยาน ว่ามีการข่มขืนเกิดขึ้นจริง แต่หากผู้เสียหายมีข้อมูลใหม่ทางการไทยยินดีดำเนินการให้
วันนี้ (16 ต.ค.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทนผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง แถลงผลการสืบสวนสอบสวนปากคำบุคคลที่เกี่ยวข้องในคดีนักท่องเที่ยวหญิงชาวอังกฤษ ถูกวางยา ขโมยทรัพย์สินและถูกข่มขืนโดยชายไม่ทราบชื่อ ที่ริมหาดเกาะเต่า อำเภอเกาะพงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ที่ผ่านมา
โดย พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า ตั้งแต่ทราบเหตุการณ์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ประสานสถานฑูตอังกฤษประจำประเทศไทย เพื่อติดต่อครอบครัวของผู้เสียหายในการขออนุญาตให้พนักงานสอบสวนเดินทางไปสอบปากคำผู้เสียหายที่ประเทศอังกฤษ
กระทั่งได้ส่งพนักงานสอบสวนหญิง ผู้กำกับการฝ่ายตำรวจสากลและประสานงานภูมิภาคยุโรป และ ล่ามแปลภาษา รวม 3 คน ไปสอบปากคำในประเด็นที่เกี่ยวข้องเบื้องต้นได้มีการประชุมร่วมกันของทุกฝ่าย ทั้งตำรวจ สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน และกงสุลใหญ่ สหราชอาณาจักร ประจำประเทศไทย เพื่อสรุปแนวทางการสอบสวน ทำความจริงให้ปรากฏ
โดยระบุว่าจากการสรุปสำนวนการสอบสวน 2 ครั้ง “ยังไม่พบว่าคำให้การมีความเชื่อมโยง หรือสอดคล้องกันว่าเกิดการข่มขืนขึ้นจริง” ขณะที่การตรวจวัตถุพยาน ซึ่งถูกยืนยันมาตลอดว่ามีคราบอสุจิติดอยู่ที่เสื้อของผู้เสียหาย ก็ไม่ปรากฏหลักฐานตามที่มีการกล่าวอ้าง
ทั้งนี้ตำรวจไม่มีการแจ้งความดำเนินคดีกลับใคร หรือแจ้งความกับบุคคลใด ตลอดจนขึ้นบัญชีดำกับผู้เสียหายรายดังกล่าว เนื่องจากตั้งแต่เกิดเหตุผู้เสียหายยังไม่ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ด้าน พ.ต.ท.ปิยะพงษ์ บุญแก้ว สารวัตใหญ่สถานีตำรวจภูธรเกาะเต่า ยืนยันว่าในชั้นการสอบสวนที่ผ่านมา กว่า 3 เดือน รวมถึงการเดินทางไปสอบสวนที่ประเทศอังกฤษในประเด็นที่สงสัย ผู้เสียหายไม่สามารถให้ข้อมูลที่ชัดเจนไม่สามารถยืนยันสถานที่เกิดเหตุได้ แม้พนักงานสอบสวนจะได้นำภาพถ่าย แผนที่บริเวณจุดเกิดเหตุให้ดู รวมถึงไม่สามารถยืนยันข้อมูลและตำหนิรูปพรรณของคนร้ายได้จึงไม่เพียงพอดำเนินคดี และผู้เสียหายไม่สามารถยืนยันถึงแผนประทุษกรรมหรือพฤติกรรมของคนร้ายในการกระทำความผิด
เห็นว่าพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอและครบถ้วน ทางการสืบสวบสอบสวนของตำรวจในชั้นนี้จึง ควรระงับเรื่องนี้ไว้ก่อนจนกว่าจะมีพยานหลักฐานอื่นเพิ่มเติม
ทั้งนี้ หากผู้เสียหายเดินทางมาให้ข้อมูลที่เกิดขึ้นกับเจ้าหน้าที่ของไทย ก็ยินดีจะดำเนินการสืบสวนดำเนินการตามกฎหมายให้เต็มที่
+ อ่านเพิ่มเติม