จากกรณีคนร้ายก่อเหตุลักตู้บริจาคในวัดสังฆจายเถร ตั้งอยู่ริมถนนสายสังฆจาย-มะขามล้ม หมู่ 8 ต.สวนแตง อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี โดยพระครูสิริกิตติคุณ เจ้าอาวาส ได้เปิดกล้องวงจรปิดของวัดที่สามารถจับภาพไว้ได้ให้ดู พบจุดแรกคนร้ายเป็นชายอายุระหว่าง 35-45 ปี มีลักษณะรูปร่างผอม สูงประมาณ 165-170 เซนติเมตร เดินถือแม่แรงยกรถ ขึ้นมาจากทางขึ้นด้านข้างมณฑปพระพุทธนฤมิต(หลวงพ่อดำ) เลาะมาทางด้านหลังพระสังฆจาย ก่อนจะมานั่งลงที่ตู้รับบริจาคซึ่งเป็นตู้เหล็กหนาทึบแบบสี่เหลี่ยม จากนั้นลงมือใช้แม่แรงดันที่ฝาตู้บริจาค แต่ไม่สามารถเปิดได้ คนร้ายจึงลงไปขโมยตู้บริจาคไม้ที่อยู่หน้าพระสังฆจายด้านล่างหลบหนี
พระครูสิริกิตติคุณ เจ้าอาวาส เปิดเผยว่า ทางวัดสร้างตู้รับบริจาคไว้ให้ญาติโยม พุทศสานิกชน ที่มาทำบุญไหว้พระขอพรได้ร่วมกันบริจาคเป็นค่าใช้จ่าย ค่าน้ำ ค่าไฟ บูรณะปฏิสังขรวัด สำหรับตู้ใบนี้ทางวัดได้นำมาติดตั้งไว้โดยใช้น๊อตยึดฝังติดกับพื้นปูนส่วนฝาตู้ก็อ๊อกปิดตายและจะเปิดปีละ 1 ครั้ง โดยใช้หินเจียรตัดรอยอ๊อกบริเวณฝาปิด ซึ่งจะได้ปัจจัยปีละประมาณ 10,000-20,000 บาท จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่า ตั้งแต่ต้นปีมาถึงปัจจุบันนี้ ที่วัดแห่งนี้ได้ถูกคนร้ายเข้ามาขโมยตู้บริจาคเงินไปแล้วถึง 8 ครั้ง แต่ละครั้งหลังเกิดเหตุได้ไปแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบเก็บหลักฐานของคนร้ายไว้ และออกสืบสวนติดตามแต่ยังไม่สามารถจับตัวได้
ล่าสุด เมื่อช่วงสายของวันที่ 7 ต.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่าทางวัดได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุได้แล้ว จึงเดินทางไปตรวจสอบพบคนร้ายมีสภาพสะบักสะบอมเนื่องจากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชาวบ้าน พระเณรลูกวัดสังฆจายเถร ไล่จับขณะขับขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาจะก่อเหตุเป็นครั้งที่ 9 เมื่อคนร้ายถูกเจ้าหน้าที่ไล่จับกุมได้ทิ้งรถและอุปกรณ์สำหรับใช้ก่อเหตุหลบหนีไป ซ่อนตัวที่หลังห้องน้ำสามเณร แต่ไม่รอดถูกจับได้ ควบคุมตัวส่งเจ้าหน้าที่สอบสวนดำเนินคดี
ทางด้าน พระครูสิริกิตติคุณ เจ้าอาวาส เปิดเผยว่า ช่วงเวลาประมาณ 04.00 ของวันที่ 7 ต.ค. ขณะที่พระลูกวัดกำลังตีระฆัง ปลุกพระภิกษุสามเณร ตื่นทำวัดเช้าอยู่ ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ามีคนร้ายกำลังเข้ามาก่อเหตุ โดยหลบหนีอยู่ในบริเวณวัด จึงบอกพระลูกวัดออกไปดู ใช้ไฟฉายส่องหาพบคนร้ายกำลังวิ่งหนีออกไปทางด้านหลังห้องของสามเณรซึ่งอยู่ติดกับโรงเรียน บรรดาพระเณรในวัดจึงตะโกนเรียกชาวบ้านใกล้วัดออกมาช่วยเจ้าหน้าที่สายตรวจตำบลสวนแตง ซึ่งอยู่ที่ป้อมหน้าวัดจับ สุดท้ายสามารถจับตัวไว้ได้อย่างล้มลุกคลุกคลาน
เจ้าหน้าที่นำตัวมาสอบสวนทราบชื่อ นายฉัตรชัย วังมูล หรือโอ๋ อายุ 39 ปี พร้อมของกลางประกอบด้วยรถจักรยานยนต์ 1 คัน แม่แรงสำหรับยกรถ 1 ตัว คีมตัดเหล็ก 2 อัน ไขควง 1 อัน กระเป๋าผ้าสำหรับใส่อุปกรณ์ 3 ใบ และยาบ้าอีก 10 เม็ด จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน สอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ตนประกอบอาชีพเลี้ยงสุกรช่วยครอบครัวแต่ติดยาเสพติด จึงออกตระเวนหาลักทรัพย์ตามสถานที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะตามวัดดัง ๆ ซึ่งตนจะใช้รถจักรยานยนต์ และจักรยานยนต์แบบพ่วงข้าง และเป็นคนร้ายตามภาพวงจรปิดของวัดสังฆจายเถร ที่จับภาพไว้ได้จริง
ซึ่งตนเข้ามาก่อเหตุแล้วหลายครั้ง ก่อนถูกจับเมื่อคืนวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้เข้าไปใช้แม่แรงดันฝาตู้บริจาคเหล็กแต่เปิดไม่ได้ จึงหันไปยกตู้ไม้ที่พระลูกวัดลืมเก็บ จากนั้นได้ไปขโมยตู้บริจาคของวัดไผ่แปลกแม่ ที่อยู่ห่างกันประมาณ 5 กม. รวม 2 วัด ได้เงินไปประมาณ 100 กว่าบาท ก่อนหน้านี้ตนได้เข้าไปขโมยยกตู้เซฟของวัดยางยี่แส ต.กระจัน อ.อู่ทอง ได้เงินในตู้เซฟไป 20 บาท หลังก่อเหตุได้นำตู้ไปโยนทิ้งในคลอง จากนั้นก็ตระเวนขโมยมาอย่างต่อเนื่อง กระทั่งก่อนถูกจับตนได้แวะเข้ามาดู แต่โชคร้ายเลยถูกจับ ส่วนเงินที่ได้ก็นำไปซื้อยาบ้ามาเสพและนำไปใช้จ่าย
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า คนร้ายคงจะดูข่าวและรู้ว่าในตู้เหล็กที่ขโมยไปไม่ได้มีเงินอยู่ จึงเตรียมอุปกรณ์มาครบ โดยคนร้ายยังได้เสริมปลายแม่แรงให้สูงขึ้นเนื่องจากครั้งแรกความสูงของแม่แรงไม่พอ จึงยกฝาตู้ไม่ได้ จึงได้หวนกลับมาก่อเหตุแบบไม่เกรงกลัวกฎหมาย อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะได้สอบสวนขยายผลว่าคนร้ายก่อเหตุมาแล้วทั้งหมดกี่ครั้ง มีที่ไหนบ้างเพื่อจะได้ติดตามนำทรัพย์สินต่าง ๆ คืน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า)โดยไม่ได้รับอนุญาต และลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะ และจากการตรวจสอบประวัติพบผู้ต้องรายนี้เคยถูกจับคดีเสพยาเสพติด ส่วนสาเหตุที่จับตัวคนร้ายรายนี้ไว้ได้ สืบเนื่องจากหลังเกิดเหตุคืนวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้จัดกำลังเฝ้าระวังตามจุดต่าง ๆ ของวัดดังทุกแห่งที่คาดว่าจะเป็นเป้าหมายคนร้ายเข้ามาก่อเหตุ กระทั่งพบคนร้ายซึ่งมีภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกภาพไว้ได้ และยังเป็นข่าว แต่คนร้ายยังย่ามใจกลับเข้ามาก่อเหตุอีกจึงถูกจับได้ดังกล่าว
+ อ่านเพิ่มเติม