ศาลอุทธรณ์พิพากษา ยกฟ้อง นายแทน เทือกสุบรรณ บุตรชายของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส. กับพวก รวม 4 คน ในคดีรุกป่าเขาแพง ชี้พยานหลักฐานไม่เพียงพอ
(2 ต.ค. 61) เมื่อเวลา 08.40 น. ที่ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายพงษ์ชัย ฟ้าทวีพร ผู้จัดการห้างหุ้นส่วนเรืองปัญญาคอนสตรัคชั่น , นายสามารถ เรืองศรี หรือ โกเข็ก หุ้นส่วน ห้างหุ้นส่วนเรืองปัญญาคอนสตรัคชั่น และนายหน้าขายที่ดิน , นายแทน เทือกสุบรรณ บุตรชายของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส. และนายบรรเจิด เหล่าปิยะสกุล อดีตเลขานุการส่วนตัวของนายสุเทพ พร้อมทนาย ได้เดินทางมาศาลเพื่อฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในคดีรุกป่าเขาแพง ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้อง นายพงษ์ชัย ฟ้าทวีพร อายุ 55 ปี ,นายสามารถ เรืองศรี หรือ โกเข็ก อายุ 63 ปี หุ้นส่วน หจก.เรืองปัญญาคอนสตรัคชั่น และนายหน้าขายที่ดิน ,นายแทน เทือกสุบรรณ อายุ 39 ปี บุตรชายของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส. และนายบรรเจิด เหล่าปิยะสกุล อายุ 65 ปี อดีตเลขานุการส่วนตัวของนายสุเทพ เป็นจำเลยที่1- 4 ในความผิดฐานร่วมกันก่อสร้าง แผ้วถางป่า หรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองและผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานเข้าไปยึดถือ ครอบครอง ก่อสร้าง หรือเผาป่าในที่ดินของรัฐโดยมิได้มีสิทธิครอบครอง หรือไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ ที่ห้องพิจารณาคดี 910 ในเวลา 10:00 น.
กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 27 ก.ย.43-5 ต.ค.44 ต่อเนื่องกัน จำเลยที่ 1-2 ร่วมกันบุกรุกเข้าไปยึดถือ ครอบครอง ทำลาย แผ่วถางป่าเขาแพง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เนื้อที่ 31 ไร่ 2 งาน 97 ตารางวา ส่วนจำเลยที่ 3 - 4 ร่วมกันบุกรุกเข้าไปยึดถือ ครอบครอง ทำลาย แผ่วถางป่าเขาแพง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เนื้อที่ 14 ไร่ ด้วยการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต เหตุเกิดที่ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ -สำหรับคดีนี้ศาลชั้นต้นเห็นว่าพวกจำเลยกระทำผิดจริง พิพากษา จำคุกคนละ 5 ปี นายพงษ์ชัย และนายสามารถ หรือโกเข็ก จำเลยที่ 1-2 ผิด ฐานห้ามมิให้ผู้ใด ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือหรือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่น เว้นแต่จะกระทำภายในเขตที่ได้จำแนกไว้ ฯ ซึ่งกระทำนั้นได้ทำเกินเนื้อที่ 25 ไร่ อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไมเซ
ส่วนนายแทน และนายบรรเจิด จำเลยที่ 3 - 4 จำคุกคนละ 3 ปี ฐานเข้าไปยึดถือครอบครอง ก่อสร้าง และผู้ใด ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือหรือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่น เว้นแต่จะกระทำภายในเขตที่ได้จำแนกไว้ ฯ อันเป็นความผิด ตามประมวลกฎหมายที่ดิน ให้ลงโทษความผิดตาม พ.ร.บ. ป่าไม้ฯ ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักสุด โดยโทษจำคุกไม่รอลงอาญา เนื่องจากศาลเห็นว่า เป็นเรื่องร้ายแรง จำเลยทั้งสี่ได้รับการประกันตัวระหว่าง อุทธรณ์ คนละ 3 - 5 แสนบาท โดยกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ -โดยเมื่อถึงเวลาศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนปรึกษาหารือมีคำพิพากษา ยกฟ้อง จำเลยที่ 1-2 เนื่องจากเห็นว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมไม่ชัดเจนถึงพฤติการณ์กระทำผิดของจำเลย ส่วน 3 - 4 ยกฟ้อง เพราะเเม้ทรัพยากรป่าไม้ เป็นเรื่องสำคัญเเต่ย่อมเป็นภาระพิสูจน์ว่าจำเลยเป็นผู้กระทำความผิด พยานหลักฐานโจทก์ยังฟังไม่ได้ว่าที่ดินที่จำเลยที่ 3 -4 ครอบครองเป็นที่ดินป่าไม้ซึ่งเป็นที่ดินของรัฐตาม พรบ.ป่าไม้ ยกประโยชน์เเห่งความสงสัย ให้ยกฟ้อง
+ อ่านเพิ่มเติม