กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เผยยังมีพื้นที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมรวม 9 จังหวัด พร้อมเตือนทั่วทุกภาค รวมถึงกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันจากฝนตกจนถึงวันที่ 13 กันยายนนี้
ข้อมูลจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานหลังติดตามสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่าประเทศไทยยังมีฝนตกหนักบางพื้นที่ และฝนที่ตกสะสม อาจทําให้เกิดน้ําท่วมฉับพลัน น้ําป่าไหลหลาก และ ดินโคลนถล่ม จึงประสานแจ้งเตือนพื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์ แยกเป็น
ภาคเหนือ ที่ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลําพูน ตาก สุโขทัย กําแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ ชัยภูมิ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อํานาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรนิ ทร์ และอุบลราชธานี
ภาคกลาง ที่ นครสวรรค์ ชัยนาท อ่างทอง สิงห์บุรี ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา อุทัยธานี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ราชบุรี และ สมุทรสงคราม รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
ภาคตะวันออก ที่ นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
ภาคใต้ ที่ เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ระนอง พังงา และ ภูเก็ต
โดยย้ำให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 1-18 และ จังหวัด ปฏิบัติในแนวทางเดียวกัน คือ
1.แจ้งประชาชนให้ติดตามข้อมูลสภาพอากาศ สภาพน้ําท่า จากทางราชการ 2. เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์โดยให้จังหวัดปฏิบัติตามหนังสือข้อสั่งการของกองบัญชาการ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติอย่างเคร่งครัด
3. ให้จังหวัดรายงานสถานการณ์ การเตรียมพร้อมและผลการปฏิบัติให้ทราบ หากเกิดสถานการณ์ ในพื้นที่ให้รายงานการปฏิบัติมายังกองอํานวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง
ทั้งนี้สำหรับภาพรวมสถานการณ์น้ำท่วม นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือ ปภ. บอกว่า ยังมีพื้นที่ได้รับผลกระทบใน 9 จังหวัด ได้แก่ หนองคาย บึงกาฬ นครพนม สกลนคร กาฬสินธุ์ อุบลราชธานี นครนายก ปราจีนบุรี และเพชรบุรี รวม 39 อำเภอ 182 ตำบล 1,330 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 32,762 ครัวเรือน ซึ่ง ปภ. ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย ทั้งด้านชีวิตความเป็นอยู่ในเบื้องต้น พร้อมระดมเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย แก้ไขปัญหาอุทกภัยควบคู่กับการเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขัง เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว
+ อ่านเพิ่มเติม