ชมรมไอที ธ.พาณิชย์ แจงเหตุขัดข้องธุรกรรมการเงินดิจิทัล ปลายเดือนก่อน มาจากผู้ปฏิบัติการใช้คำสั่งจัดการไม่ถูกต้อง และมีรายการโอนต่างธนาคารที่กรอกเลขบัญชีผิดจำนวนมากมาพร้อมๆกัน พร้อมวาง 6 แนวทาง ดูแลระบบให้เสถียร เพิ่มความสามารถของระบบ 2-3 เท่าของช่วงพีคสุด หลังปริมาณการใช้เพิ่มต่อเนื่องจากนโยบายฟรีค่าธรรมเนียมโอนข้ามแบงก์
นายสมคิด จิรานันตรัตน์ ประธาน กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป ในฐานะประธานชมรมเทคโนโลยีสารสนเทศ สมาคมธนาคารไทย เปิดเผยข้อสรุปการแก้ปัญหาระบบธนาคารพาณิชย์ขัดข้อง ว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา และขอยอมรับข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น โดยเหตุการณ์วันที่ 31 สิงหาคม เกิดจาก มีสไปส์ หรือปริมาณธุรกรรมที่พุ่งสูงขึ้นในชั่วครู่ ทำให้ผู้ปฏิบัติงานเข้าไปตรวจสอบระบบ แล้วเกิดการใช้คำสั่งจัดการในการบริหารเครือข่ายไม่ถูกต้อง เป็นเหตุให้อุปกรณ์เครือข่ายหลัก หรือ Core switch ของธนาคารไม่สามารถทำงานได้ ตั้งแต่เวลา 6.30 น.
ทางบริษัท ITMX ซึ่งเป็นบริษัทเชื่อมโยงเครือข่ายกลาง หรือ switching ระหว่างธนาคาร จึงได้ตัดระบบของธนาคารกสิกรไทย ออกจากระบบกลางเมื่อเวลา 6.31 น. ซึ่งธนาคารได้เร่งแก้ไขระบบภายในด้านเครือข่าย และผลกระทบทั้งหมดเสร็จสิ้น เมื่อเวลา 11.00 น. และเปิดให้บริการเป็นปกติได้ตั้งแต่ 11.05 น.เป็นต้นไป
ส่วนกรณีเหตุการณ์วันที่ 1 กันยายนนั้น ระบบของธนาคารกสิกรไทยไม่ได้ขัดข้อง โดยยังทำงานได้ปกติ แต่มีรายการโอนเงินต่างธนาคารที่ใส่เลขบัญชีไม่ถูกต้องเข้ามาจำนวนมาก กว่า 40,000 รายการ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเป็นการกดเลขเบอร์มือถือมา ทาง ITMX เห็นผิดสังเกต จึงได้ตัดธนาคารออกจากระบบกลางเมื่อเวลา 10.15 น. ธนาคารกสิกรไทยจึงเปลี่ยนไปใช้ช่องทางสำรองที่ PCC แทนทันที ซึ่งช่วยให้ลูกค้าธนาคารกสิกรไทย สามารถโอนเงินไปยังทุกธนาคารได้ตามปกติ และลูกค้าบางธนาคารที่เชื่อมกับ PCC ณ ขณะนั้นสามารถโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทยได้ แต่มีลูกค้าบางธนาคารไม่สามารถโอนมายังธนาคารกสิกรไทยได้โดยผ่านทาง ITMX ทางธนาคารกสิกรไทยได้ทำงานร่วมกับ ITMX เพื่อยืนยันว่าระบบของธนาคารสามารถทำงานได้เป็นปกติและไม่มีผลกระทบต่อธนาคารอื่น เวลา 16.11 น. ทาง ITMX จึงเชื่อมต่อระบบให้ทุกธนาคารสามารถโอนเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทยได้เป็นปกติ
ทั้งนี้ขอยืนยันว่าระบบของธนาคารกสิกรไทยไม่ได้ล่ม และไม่ได้เกิดปัญหาจาก Capacsity ล้านเปอร์เซ็น เพราะธนาคารให้ความสำคัญในการพัฒนาบริการ ควบคู่กับการเพิ่มความสามารถของระบบให้รองรับปริมาณธุรกรรมที่เพิ่มสูงมาตลอด เนื่องจากธนาคารเข้าใจและติดตามพฤติกรรมการใช้บริการของลูกค้าอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะ Mobile Banking (K PLUS) ที่มีธุรกรรมสูงอย่างต่อเนื่องทุกวัน โดยเฉพาะในวันที่ 31 สิงหาคมมีปริมาณธุรกรรมการเงินถึง 5.36 ล้านรายการ และตลอดเดือนสิงหาคมมีปริมาณธุรกรรมการเงินถึง 122 ล้านรายการ หากรวมรายการสอบถามด้วย ทั้งเดือนสิงหาคมจะมีปริมาณทั้งสิ้น 635 ล้านรายการ โดยในวันที่ 31 สิงหาคม ในช่วงที่มีปริมาณสูงสุดรองรับได้ 4,000 รายการต่อวินาที (รวมสอบถามยอด)
และจากการทดสอบระบบปัจจุบัน K PLUS สามารถรองรับได้ 6,000 รายการต่อวินาที ซึ่งธนาคารจะพัฒนาให้รองรับได้ถึง 10,000 รายการต่อวินาทีในเดือนตุลาคม และเพิ่มเป็น 50,000 รายการต่อวินาทีภายในสิ้นปี 2562 เพื่อรองรับยุทธศาสตร์ใหม่ ๆ ของธนาคารในอนาคต
ทั้งนี้การใช้บริการทางการเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ของประชาชน เช่น โทรศัพท์มือถือ อินเทอร์เน็ต และเอทีเอ็ม ของลูกค้าธนาคารพาณิชย์ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากสามารถเชื่อมโยงระหว่างธนาคารอย่างไร้รอยต่อ ไม่มีค่าธรรมเนียม ช่วยให้ลูกค้าได้รับความสะดวก ทำให้ปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ประมาณ 30 % จากช่วงก่อนที่จะมีการฟรีค่าธรรมเนียม การหยุดให้บริการใดบริการหนึ่งหรือของธนาคารหนึ่งอาจส่งผลกระทบต่อระบบได้ การให้บริการที่ต่อเนื่องจึงเป็นสิ่งสำคัญ
ดังนั้นเพื่อลดผลกระทบจากเหตุขัดข้องในการใช้บริการธนาคารของลูกค้า ทางชมรมฯ และบริษัทกลางที่ดูแลการเชื่อมต่อระบบระหว่างธนาคาร (ITMX) จึงได้ร่วมกำหนดแนวทางการให้บริการด้านดิจิทัล 6 เรื่อง เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดปัญหาซ้ำ หรือเมื่อเกิดเหตุขัดข้องขึ้น ก็จะสามารถช่วยจัดการให้กลับมาให้บริการได้เร็วที่สุด ประกอบด้วย
1. เพิ่มความแข็งแรงให้กับระบบ ขจัดปัญหาคอขวด แก้ไขการออกแบบเชิงสถาปัตยกรรมของระบบ เพื่อให้ระบบ โมบาย สามารถรองรับปริมาณการใช้บริการได้อย่างน้อย 2 เท่าของช่วงเวลาที่มีปริมาณธุรกรรมสูงสุด (peak)
2. การจัดการระบบภายในของแต่ละธนาคาร ให้เพิ่มมาตรการควบคุมเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงระบบ (Change Management) และมีการจัดการที่รัดกุมมากขึ้น
3. เพิ่มความสามารถของ ITMX เป็นอย่างน้อย 2 เท่าของระบบปัจจุบัน เพื่อรองรับธุรกรรมข้ามธนาคารที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากการใช้นโยบายฟรีค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมข้ามธนาคาร
4. ตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างธนาคารและ ITMX ในการกำหนดเงื่อนไขและแนวทางที่ชัดเจนในการตัดธนาคารที่ระบบขัดข้องออกจากระบบกลางชั่วคราว เพื่อไม่ให้ปัญหาลุกลามจนส่งผลกระทบต่อโครงข่ายบริษัทกลางและธนาคารอื่น และสามารถเชื่อมต่อกลับทันทีเมื่อมีการจัดการระบบให้สามารถบริการได้ตามปกติแล้ว
5. สร้างความสามารถในการติดตามการทำงานของระบบในภาพรวม โดยให้มีการพัฒนา Dash board กลางสำหรับแสดงสถานะระบบของแต่ละธนาคาร ให้ธนาคารสมาชิกทราบเพื่อความรวดเร็วในการเตรียมการและแก้ไขปัญหา
6.ทบทวนการออกแบบระบบโมบาย แบงกิ้ง และการแสดงข้อความสถานะของธุรกรรมให้ชัดเจน เข้าใจง่าย เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถใช้บริการได้โดยไม่สับสน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง