กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เผยสสถานการณ์น้ำท่วมยังครอบคลุมพื้นที่ 8 จังหวัด โดยภาพรวมระดับน้ำเริ่มทรงตัว มีเพียงสกลนครที่ยังเพิ่มขึ้น ขณะที่ภาคกลางลุ่มน้ำ กำชับพื้นที่เฝ้าระวังท้ายเขื่อนเจ้าพระยา เตรียมพร้อมรับมือตามแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด
นายกอบชัย บุญอรณะ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือ ปภ. กล่าวถึงสถานการณ์น้ำของเขื่อนเจ้าพระยา ซึ่งจำเป็นต้องระบายน้ำในอัตรา 800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ที่อาจกระทบพื้นที่ลุ่มต่ำริมตลิ่งนอกคันกั้นน้ำบริเวณท้ายเขื่อน ว่า กระทรวงมหาดไทย ได้มีคำสั่งกำชับไปจังหวัดในพื้นที่เสี่ยง ตั้งแต่จังหวัดชัยนาท - สิงห์บุรี - อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ตามแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ทั้งการติดตั้งเครื่องสูบน้ำในจุดเสี่ยง และกำลังพลชุดเคลื่อนที่เร็วให้พร้อมช่วยเหลือประชาชน รวมถึงแจ้งประชาสัมพันธ์กับประชาชนให้ได้รับทราบข้อมูลจากทางราชการ โดยเฉพาะจุดใดที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เช่น พื้นที่ลุ่มต่ำในการยกสิ่งของมีค่าขึ้นที่สูง ซึ่งยืนยันขณะนี้ยังเป็นเพียงการเฝ้าระวัง และ ขอให้ประชาชนมั่นใจในแผนการบริหารจัดการน้ำที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังดำเนินการ ที่จะควบคุมการระบายน้ำไม่ให้เกิดผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายเขื่อน
ขณะที่ภาพรวมน้ำท่วมปัจุบัน ข้อมูลล่าสุดจาก ปภ. ยังมีพื้นที่ได้รับผลกระทบใน 8 จังหวัด ได้แก่ นครพนม บึงกาฬ สกลนคร ชัยภูมิ กาฬสินธ์ุ อุบลราชธานี นครนายก และ เพชรบุรี รวม 34 อำเภอ 1,126 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 30,407 ครัวเรือน โดยส่วนใหญ่สถานการณ์เริ่มทรงตัว และลดลง มีเพียงจังหวัดสกลนคร ที่ยังมีแนวโน้มระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 5 เครื่อง และเครื่องผลักดันน้ําอีก 6 เครื่อง เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่
+ อ่านเพิ่มเติม