(28 ส.ค. 61 ) พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รองผู้บังคับการกองปราบปรามเปิดเผยความคืบหน้าการสอบปากคำ นางเลิศฉัตรกมล และนายสุวิทย์ จารวิจิต พ่อแม่ ของนายปริญญา และนายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต ผู้ต้องหาร่วมกันฟอกเงิน คดีโกงเงินบิตคอยน์จาก นายเออาร์นี โมตาวา ซาริมา ชาวฟินแลนด์ ว่า จากการสอบปากคำนางเลิศฉัตรกมล ยอมรับว่าเปิดบัญชีหลายบัญชี เพื่อให้นายปริญญา ใช้ทำธุรกรรมทางการเงิน และสามารถโอนเงินเข้าออกได้ โดยนายปริญญาเคยโอนเงินเข้าบัญชีให้รวมกว่า 100 ล้านบาท และได้โอนต่อให้นายสุวิทย์ สามี จำนวน 55 ล้านบาท
นอกจากนี้นายปริญญายังเคยโอนเงินออกจากบัญชี ไปเข้าบัญชีที่เปิดใหม่ภายในวันเดียวกันถึง 4 บัญชี ยอดรวมกว่า 67 ล้านบาท ซึ่งลูกชายอ้างว่าเป็นเงินที่ได้มาจากการทำธุรกิจ และที่ต้องโอนเงินเข้าออกหลายบัญชี เพื่อให้มีรายการเดินบัญชีที่ดี สร้างเครดิตกับธนาคาร
พ.ต.อ.ชาคริต เผยว่าโดยพฤติกรรมแม่ย่อมทราบว่าลูกชายประกอบอาชีพอะไร ทำธุรกิจอะไร การรับโอนเงินจำนวนมากขนาดนี้ ย่อมควรจะทราบว่าเป็นเงินที่ผิดปกติ ซึ่งขณะนี้เชื่อว่าพยานหลักฐานน่าจะเพียงพอที่จะให้ดำเนินคดีต่อ แต่พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างพิจารณาพยานหลักฐานว่าจะเข้าข่ายความผิดใดบ้าง
ส่วนความคืบหน้ากรณีที่พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกให้ ร้อยเอกธรรมมนัส พรหมเผ่า หรือผู้กองธรรมมนัส ที่รับโอนหุ้นกว่า 400 ล้านหุ้นจากนายปริญญา เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนในวันนี้นั้น ล่าสุดร้อยเอกธรรมนัสได้ส่งทนายมาขอเลื่อนเข้าให้ปากคำออกไปเป็นวันที่ 12 กันยายน เวลา 10 น. เนื่องจากติดภารกิจส่วนตัวอยู่ที่จังหวัดพะเยา
ขณะที่ในวันพรุ่งนี้ (29ส.ค.61) พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกนายจิรัชพิสิษฐ์ หรือบูม เข้ารับทราบข้อกล่าวหาร่วมกันฉ้อโกง พร้อมกับพี่ชายอีก 2 คน และนายชาคริส อาห์มัด ผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท เอ็กเปย์ จำกัด รวมถึงนายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ นายหน้าค้าหุ้น ขณะที่นายปริญญา ยังไม่ติดต่อขอมอบตัวสู้คดี ส่วนแม่ของนายปริญญา ก็ไม่ทราบว่านายปริญญาอยู่ที่ใด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พี่ชายบูมเปิดใจ ปมถูกออกหมายจับโกงเงินบิทคอยน์ ยันทำธุรกิจถูกต้อง ปัดฟอกเงิน (17 สิงหาคม 2561)
+ อ่านเพิ่มเติม