นายกรัฐมนตรี ระบุ อยากให้คนไทยทั่วประเทศรักกันมากขึ้น เผยบังคับราคาน้ำมันไม่ได้เพราะเป็นกติกาโลก เดือนมิ.ย.เตรียมอนุมัติงบฯไทยนิยมยั่งยืน ย้ำที่พูดวันนี้จะรักหรือเกลียดตนก็ได้แต่อย่าเกลียดประเทศ เผยเป็นคนยิ้มน้อยทำงานหนัก หากอยากได้คนยิ้มอย่างเดียวให้รอรัฐบาลหน้า
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างพบปะประชาชนที่จังหวัดราชบุรี ว่า คำว่าเท่าเทียมจะจ้องเป็นความเท่าเทียมด้านโอกาส โดยขณะนี้รัฐบาลพยายามสร้างโครงสร้างพื้นฐานให้เข้มแข็ง เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์ได้ในทางที่ถูกกฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน ไม่มีอิทธิพลรังแกผู้มีรายได้น้อย ซึ่งรัฐบาลต้องดูแลทุกภาคส่วนให้ได้แบบนี้และเป็นธรรม โดยดูแลมากน้อยตามความเหมาะสมและความจำเป็น ไม่มีใครเคยพูดเช่นนี้ แต่ตนจะพูด ขอให้ฟังรัฐบาลและใช้สติไตร่ตรอง นึกถึงตนเองและครอบครัวแล้ว ก็นึกถึงคนอื่นอีก 77 จังหวัดด้วย เราต้องรักกันมากขึ้น เพราะบ่อเกิดความสามัคคีจะเป็นบ่อเกิดความสำเร็จ มีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ส่วนตัวมองว่า 10-20 ปีข้างหน้า จังหวัดจะเข้มแข็ง ชีวิตทรัพย์สินมั่นคง มีรายได้เพียงพอ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องมียุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูป รัฐบาลก็ต้องบริหารตามหลักการนี้
นอกจากนี้ ต้องปรับรูปแบบการส่งออกและรูปแบบอื่นๆ อย่าหวังกับการส่งออกเพียงอย่างเดียว เพราะผลผลิตบางอย่างจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ ทั้งยางพารา ข้าว และปาล์ม รวมราคาน้ำมันซึ่งวันนี้สูงขึ้น เพราะเป็นกลไกตลาดโลก เราไปบังคับไม่ได้ ต้องทำตามกฎกติกาการค้าโลก ตราบใดที่ใช้กติกานี้ในการส่งออก ก็ต้องเจอปัญหานี้ ส่วนต่างประเทศที่มีราคาน้ำมันถูกกว่าเพราะเขามีรายได้จากทางอื่นมาช่วยหนุนราคาน้ำมัน ส่วนการซื้อขายออนไลน์ ก็ต้องคิดว่าจะบริหารสินค้าอย่างไร เพราะหากสินค้าไม่ดีพอ จะเป็นแจ๊ค หม่า หรือใครก็คงไม่รับซื้อ ส่วนตัวมองว่าแจ๊ค หม่าไม่ได้เข้ามาผูกขาด
สำหรับการพัฒนาโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ใน 3 จังหวัด ก็เป็นโครงการพัฒนาจังหวัดระยะเริ่มต้น และจะขยายไปยังจังหวัดข้างเคียง เพิ่มรายได้ทั้งจากการผลิต ภาษี ประสิทธิภาพการแข่งขันมากขึ้น ซึ่งในอีก 10 ปีข้างหน้า แรงงานจะขาดแคลนลงอีก จึงต้องเตรียมการด้านการรักษาพยาบาลและด้านสาธารณสุข และการศึกษาฟรี ซึ่งรัฐบาลอยากให้คำนึงถึงประเทศชาติ การบริหารราชการแผ่นดินต้องดูที่มารายได้ให้สอดคล้องกับกิจกรรมที่ทำ หากไม่มีใครมาตรวจสอบก็ตรวจสอบกันเอง ที่ผ่านมาก็เห็นว่ามีเรื่องคดีความในศาลหมด ประชาชนต้องเข้าใจและอย่าให้ใครมาบิดเบือนและเคลื่อนไหวอีก ทั้งนี้ ยังต้องมีความพอประมาณ พอเพียง สำคัญที่สุด คือหนี้เกษตรกรที่มีหลายแสนล้านบาท ขณะนี้ได้ออกระเบียบลงโทษผู้ออกเงินกู้ผิดกฎหมาย ขอให้ไปบอกเจ้าหนี้ตัวเองด้วย ว่านายกรัฐมนตรีเปิดรับแจ้งหนี้ ส่วนเจ้าหนี้หากต้องการจะให้กู้ก็ไปเปิดบริษัทให้ถูกต้อง แล้วให้กู้ตามอัตราดอกเบี้ยที่กฎหมายกำหนด พร้อมแซวว่า คนเป็นหนี้คือคนที่มีเกียรติ เขาจึงให้กู้ แต่ขออย่าคิดดอกเบี้ยแพง รัฐบาลต้องมาแก้ปัญหา ขอให้เกษตรกรเอาหนี้มาสร้างประโยชน์ให้เกิดมูลค่าให้ได้ และใช้อย่างประหยัด รู้จักตนเอง
สำหรับเดือนหน้า(มิถุนายน) เตรียมอนุมัติงบประมาณโครงการไทยนิยมยั่งยืน โดยไม่ต้องผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อนำสู่การปฏิบัติโดยกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หน่วยงานละ 2-3 หมื่นล้านบาท จ่ายให้กับโครงการที่ประชาชนคิดและเสนอตามความต้องการในพื้นที่ ไทยนิยมฯถึงทุกหมู่บ้าน ทุกรัฐบาลต้องคิดว่าทำอย่างไรจะดูแลทุกจังหวัดได้แบบนี้ ให้เจริญเติบโตทัดเทียมกันและไปถึงประชาคมโลก
นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าไทยได้คุยกับผู้นำต่างประเทศ ซึ่งบอกว่าชอบประเทศไทย มาเที่ยวบ่อยๆในช่วงเทศกาลปีใหม่และเทศกาลสงกรานต์ โดยเฉพาะแม่น้ำ ทะเล ป่า ภูเขาสวยงาม อาหารสตรีทฟู้ดอร่อย ผู้คนอัธยาศัยดี ซึ่งอันนี้ส่วนตัวชอบ แต่ที่ไม่ชอบ คือ เขาบอกว่าต่างกับประเทศของตัวเองที่มีกฎระเบียบเคร่งครัดเกินไป ถุยน้ำลายก็มีบทลงโทษ แต่ไทยสบายทำได้ทุกอย่าง
วันนี้ นายกรัฐมนตรีมาสร้างความเข้าใจ ไม่ได้พูดเพื่อให้มารักหรือเกลียดตน ขอแค่อย่าเกลียดประเทศตัวเอง เพราะเราคือคนไทย ควรทำความดีในทุกโอกาสเพื่อชาติ เพื่อแผ่นดิน พร้อมขอบคุณที่เตรียมการต้อนรับในวันนี้ ส่วนตัวเป็นคนไม่มีพิธีรีตอง แต่อยากมาเจอประชาชน ได้เห็นแววตาและรอยยิ้ม ส่วนนายกรัฐมนตรีทำงานก็ไม่ค่อยยิ้มและมักจะอารมณ์ไม่ดี ผู้นำต้องเอาจริงอย่างตน แต่ถ้าอยากให้ผู้นำอารมณ์ดีให้รอรัฐบาลหน้า ยิ้มอย่างเดียว ตอนนี้รัฐบาลเกียร์ว่างไม่ได้ จึงต้องคิดใหม่ทำใหม่ ประชาชนก็ต้องทำให้ได้ ไปประชาพิจารณ์มา ไม่ถูกต้องก็ร้องมาตามช่องทางที่รัฐบาลจัดไว้ให้
+ อ่านเพิ่มเติม