พ่อแม่ร้องสื่อ หลังคู่กรณีตีมึนปัดความรับผิด อ้างไม่มีเงิน เหตุรถเก๋งพุ่งชนท้ายรถปาเจโร่
logo ข่าวอัพเดท

พ่อแม่ร้องสื่อ หลังคู่กรณีตีมึนปัดความรับผิด อ้างไม่มีเงิน เหตุรถเก๋งพุ่งชนท้ายรถปาเจโร่

ข่าวอัพเดท : พ่อแม่ร้องสื่อหลังคู่กรณีทำมึนปัดความรับผิดชอบอ้างไม่มีเงิน เหตุรถยนต์เก๋งพุ่งชนท้ายรถยนต์ปาเจโร่ จนเสียหลักพลิกคว่ำ ล่าสุดเด็กน้อยว เก๋งพุ่งชนท้ายรถปาเจโร่,พ่อแม่ร้องสื่อ,คู่กรณีตีมึน,ข่าวชลบุรี,ข่าว3,9ขวบอาการโคม่า

4,428 ครั้ง
|
22 พ.ค. 2561
พ่อแม่ร้องสื่อหลังคู่กรณีทำมึนปัดความรับผิดชอบอ้างไม่มีเงิน เหตุรถยนต์เก๋งพุ่งชนท้ายรถยนต์ปาเจโร่ จนเสียหลักพลิกคว่ำ ล่าสุดเด็กน้อยวัย 9 ขวบ อาการโคม่า
 
จากกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ รถยนต์ มิตซูบิชิ ปาเจโร่ สีขาว ถูกรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ โตโยต้า วีออส สีเทา พุ่งชนท้ายรถ จนพลิกคว่ำ บริเวณถนนสาย 7ตอนที่ 2 ฝั่งขาเข้า กทม ช่วงใต้สะพานสวนเสือ หมู่ 5 ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ส่งผลให้ 3 พ่อแม่ลูก ที่นั่งมาภายในรถยนต์ มิตซูบิชิ ปาเจโร่ ประกอบด้วยนายไพศิลป์ จิตไพศาล อายุ 35 ปี ได้รับบาดเจ็บมีอาการทางกระดูกที่ไหล่ขวา ส่วนนางสาว ชลธิดา ไกรทอง อายุ 28 ปี ได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลแตกที่ริมฝีปากและถลอกตามร่างกาย และ ด.ช.กนก ไกรทอง อายุ 9 ปี ได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลฉีกขาดที่ศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์กันขนาดใหญ่ และได้เข้ารักษาที่ โรงพยาบาลพญาไท ศรีราชา เหตุเกิดเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ที่ผ่านมา 
 
ล่าสุดเมื่อเวลา 08.30น. วันนี้ (22 พ.ค.61) นส.ชลธิดา เผยอาการล่าสุด ด.ช.กนก ตอนนี้อาการโคม่า ซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเหตุการณ์ดังกล่าว ทางคู่กรณีนั้นเริ่มที่จะบ่ายเบี่ยงและปัดความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
 
ด้านนายไพศิลป์ จิตไพศาล พ่อของ ด.ช กนก เผยว่า ตอนนี้ลูกชายของตนยังคงนอนรักษาตัวอยู่ในห้องผู้ป่วยหนักหลังพึ่งผ่าตัดดึงกระโหลกที่ยุบไปกลับคืนมาและมีเลือดคั่งในสมอง อีกทั้งบริเวณแก้มด้านซ้ายนั้นต้องเย็บถึง 100 เข็ม และยังจำเหตุการณ์ในวันนั้นไม่ได้ ในส่วนของตนนั่น ก็ได้รับบาดเจ็บที่หัวไหล่ซ้ายมีอาการทางกระดูก หลังจากเกิดเหตุนั้นทางนายวันทภ นิลอุบล อายุ 36 ปี  คู่กรณีก็ได้แสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ไม่เคยเดินทางมาเยี่ยมดูอาการของลูกชายตนเลย อีกทั้งยังมาอ้างกับตำรวจว่าได้โทรศัพท์มาถามอาการของลูกชายตนอยู่เป็นประจำ ทั้งๆที่จริงแล้วไม่เคยติดต่อมาเลยแม้แต่นิด
 
โดยล่าสุดที่ตนก็ได้ติดต่อไปหาคู่กรณีเพื่อติดตามเรื่องการชดใช้ค่าเสียหาย แต่ทางคู่กรณีกลับพูดกลับมาว่า รถ พรบ. ขาด ภาษีไม่ได้ต่อ และไม่มีเงิน ซึ่งคำพูดตรงนี้คงเสียความรู้สึกเป็นอย่างมากที่ได้รับคำตอบมาเช่นนี้ โดยตนยืนยันว่าจะให้ทางทนายความของครอบครัวฟ้องร้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุด 
 
อีกทั้งตนยังทราบมาว่าทาง พ.ต.ท.พีรพัฒน์ ศิริวาณิชน์ สารวัตรเวรสอบสวนสวน สทล.เขาเขียว ได้คืนรถและปล่อยตัวคู่กรณีกลับบ้านไปซึ่งตนยังคาใจอยู่ว่าทำไมถึงปล่อยรถออกไปได้ง่ายดายเช่นนี้ เพราะลูกตนยังนอนรักษาตัวอยู่ในห้องผู้ป่วยหนักอยู่เลย ตนจึงขอฝากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนและดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด และตนอยากจะฝากอุบัติเหตุในครั้งนี้ให้เป็นอุทาหรกับประชาชนทั่วไปที่ใช้รถบนถนนให้มีน้ำใจในการขับรถกับเพื่อนร่วมทางอีกด้วย