นายธนวรรธน์ พลวิชัย ในฐานะโฆษกสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยถึงการเปิดประชาพิจารณ์เพื่อรับฟังความคิดเห็นการทำสลากรวมชุดครั้งที่ 1 ในกรุงเทพฯ ว่า ขณะนี้มีประชาชนทั้งผู้ค้าและผู้ซื้อได้แสดงความคิดเห็นเข้ามาผ่านทั้งทางเว็บไซต์และส่งจดหมายเปิดผนึกกว่า 2,000 ราย ซึ่งในจำนวนนี้กว่า 70% ต้องการให้จัดทำสลากรวมชุด โดยส่วนใหญ่ต้องการให้นำสลากใบเล็กมารวมชุด 5 ใบ เพราะมองว่าง่ายต่อการขายเพราะสามารถขายแยกเป็นใบเดี่ยวหรือ 2 ใบได้ ซึ่งหลังจากนี้สำนักงานสลากฯ จะมีการลงพื้นที่เพิ่มเติมในส่วนของแต่ละภูมิภาคเพื่อรวบรวมข้อมูลความคิดเห็นการทำสลากรวมชุดทั้งหมด ประกอบด้วย จังหวัดเชียงใหม่ ภูเก็ต นครสวรรค์ และเลย ซึ่งคาดว่าจะสรุปเสนอคณะกรรมการได้ทั้งหมดได้ภายในเดือนมิถุนายนนี้ ก่อนที่จะเริ่มจำหน่ายสลากรวมชุดงวดแรกในวันที่ 16 กรกฎาคม 2561
ทั้งนี้ในเบื้องต้นจะมีการรวมชุดประมาณ 70% ของจำนวนสลากทั้งหมดในระบบ 80 ล้านใบ ส่วนอีก 30% จะเป็นสลากใบเดี่ยว แต่ในช่วงแรกจะทดลองรวมชุดประมาณ 20-30% หรือประมาณ 20 ล้านใบ เพื่อดูความต้องการก่อนทั้งของผู้ค้าและผู้ซื้อก่อน
อย่างไรก็ตามในส่วนของโควตาสลากนั้น ผู้ที่ได้รับโควตายังจะได้รับสลากจำนวน 5 เล่ม และต้องจำหน่ายในราคาใบละ 80 บาท ตามเดิม โดยผู้ค้าที่ต่อสัญญาได้สามารถได้รับโควตาของสลากรวมชุดไปด้วยโดยปริยาย ซึ่งที่ผ่านมาสำนักงานตัดโควตาผู้ค้าไปแล้ว จากปัญหาการค้าสลากแพงกว่ากำหนด จำนวน 5,000 ราย จากผู้ค้าสลากฯทั้งหมดประมาณ 2 แสนราย
ด้านนายสมชาย ปัญญ์เอกวงศ์ ประธานที่ปรึกษาสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย สนับสนุนให้มีการรวมสลากเป็นชุด แต่ขอให้แยกสลากฯเป็นคนละใบ เพราะหากใช้ใบเดียวแทน 5 ใบหรือ 10 ใบ ผู้ค้าสลากฯจะไม่สามารถแยกขายใบเดี่ยว 2 ใบ หรือ 3 ใบได้ และต้องการให้จัดสรรสลากรวมชุดให้กับผู้ค้ารายย่อย เพราะกระบวนการรวมชุดในปัจจุบันผู้ค้าฯจะต้องนำสลากใบเดี่ยวไปแลกเป็นสลากชุดทำให้มีต้นทุนเพิ่มขึ้น 10 บาทต่อใบ จึงส่งผลให้ต้องขายสลากในราคาแพงขึ้น ยืนยันว่าหากจัดสรรให้ผู้ค้ารายย่อยราคาสลากจะขยับลงมาที่ 80 บาทต่อใบแน่นอน
ขณะที่นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต และกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติระบุว่า ในระยะนี้เห็นด้วยกับการทำสลากรวมชุด เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคได้เปลี่ยนแปลงไป หันมาซื้อแบบรวมมากชุดมากขึ้น ดังนั้นเชื่อว่า แนวทางนี้จะช่วยลดปัญหาการขายสลากเดินราคาลงได้ แต่อย่างไรก็ตาม การพัฒนาสลากได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถดึงเงินหวยใต้ดิน กว่า 500,000 ล้านบาทต่อปี เข้าสู่ระบบได้ ดังนั้นสำนักงานสลากฯ ควรมีนโนบายการขายสลากออนไลน์หรือ Lotto เพราะจะทำให้เกิดความเป็นธรรม แต่ควรจะให้ความสำคัญกับผู้พิการและผู้มีรายได้น้อยในการรับสิทธิ์ได้ขาย Lotto ก่อน เช่น การจัดทำตู้จำหน่าย Lotto และให้สิทธิ์กับผู้ที่มีโควต้าเดิมก่อน โดยยืนยันว่าไม่เห็นด้วยหากจะมีการซื้อขาย Lotto ผ่านร้านสะดวกซื้อ
สอดคล้องกับนายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ที่เสนอว่าสำนักงานสลากฯควรจะควรจะทำสลากออนไลน์ รูปแบบเดียวกับสลากฯ กำหนด 6 ตัว เพื่อมาแข่งกับสลากกินแบ่งรัฐบาลจะสามารถแก้ปัญหาสลากราคาแพงได้รวมถึงพร้อมกับจัดทำสำมโนผู้ค้าสลากสลากตัวจริง โดยพิจารณาจัดสรรสลากให้ผู้มีรายได้น้อย ผู้พิการ ผู้สูงอายุ ทำให้กลุ่มคนเหล่านี้ไม่ต้องพึ่งยี่ปั่วที่นำสลากฯมาขายต่อในราคาสูง
+ อ่านเพิ่มเติม