"หมอแสง" ขู่! ถ้าเรื่องมากจะแจกยาเดือนสุดท้าย จากนั้นใครจะกินต่อให้ไปลงชื่อหน่วยงานรัฐ หลังผลวิจัยชี้ฆ่ามะเร็งไม่ได้
logo ข่าวอัพเดท

"หมอแสง" ขู่! ถ้าเรื่องมากจะแจกยาเดือนสุดท้าย จากนั้นใครจะกินต่อให้ไปลงชื่อหน่วยงานรัฐ หลังผลวิจัยชี้ฆ่ามะเร็งไม่ได้

ข่าวอัพเดท : วันนี้ 25 เม.ย. 61 จากกรณีที่กรมการแผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้มีการหารือร่วมกันระหว่าง นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย มะเร็ง,หมอแสง

3,916 ครั้ง
|
25 เม.ย. 2561
วันนี้ 25 เม.ย. 61 จากกรณีที่กรมการแผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้มีการหารือร่วมกันระหว่าง นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทย นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ ผอ.มะเร็งแห่งชาติ และนายแสงชัย แหเลิศตระกูล หรือที่คนทั่วไปเรียกกันว่าหมอแสง ว่ายาสมุนไพรรักษาโรคมะเร็งของหมอแสงรักษาโรคมะเร็งไม่ได้จริงนั้น
 
ล่าสุด นายแสงชัย แหเลิศตระกูล หรือที่คนทั่วไปเรียกกันว่าหมอแสง เปิดเผยถึงรายละเอียดในการประชุมว่า อธิบดีกรมการแพทย์ได้แถลงผลการวิจัยยารักษาโรคมะเร็งของตนว่า สมุนไพรตัวนี้มีฤทธิ์น้อยมาก ฆ่ามะเร็งได้ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ แต่ต้องขอบคุณนพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ และนพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ ผอ.สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ท่านก็บอกแล้วว่ากินได้ วิจัยมาแล้วว่าไม่เป็นพิษไม่มีอันตรายกินได้ แต่จริงๆ แล้วการนำสมุนไพรของผมไปตรวจสอบครั้งนี้ จริงๆ แล้วน่าจะเป็นหน้าที่หลักของแพทย์แผนไทยเป็นคนวิจัย ไม่ใช่ส่งไปที่ นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ ผอ.มะเร็งแห่งชาติ ท่านไม่ได้จบสมุนไพรท่านจบแพทย์สมัยใหม่ ความรู้ด้านสมุนไพรท่านอาจจะยังไม่ยอมรับ จริงๆ แล้วในหลอดทดลองแก้วเนี่ยเราใช้สารเคมีทำลายเนี่ย มันทำลายได้ถึง 50 80 และ 70 เปอร์เซ็นต์นั่นก็อีกเรื่องนึง แต่ในสมุนไพรตัวนี้อย่าใช้คำว่าไม่สามารถทำลายมะเร็งหรือฆ่ามะเร็งไม่ได้ จริงๆแล้วผลที่ท่านชี้แจงออกมา ก็มันได้ตั้ง 8 เปอร์เซ็นต์ 10 เปอร์เซ็นต์ 15 เปอร์เซ็นต์ ผมถามว่าคุณจะเอาคุณภาพสมุนไพรเนี่ย เอาไปเท่าสารเคมีเชียวเหรอ 
 
ในเมื่อทุกคนเขาบอกว่า มะเร็งเนี่ยไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ในเมื่อเข้าร่างกายแล้วทำไมเราจะไม่ทำให้มันอยู่ในร่างกายเรา แล้วปรับสภาพร่างกายเราเพื่อไปฆ่ามันจะไม่ดีกว่าหรือ ทำไมต้องฆ่าด้วยสารเคมี ยังงั้นเอาอะไรฆ่าก็ได้ ทำไมไม่มองผลกระทบของร่างกายว่าไอ้สารเคมีมีผลกระทบไหม ทำไมทุกสถาบันทุกหมอจะไม่ยอมพูดว่า ก็แสดงว่าสารเคมีและฉายรังสีไม่เป็นพิษเป็นภัยไม่แพ้ต่อร่างกายอย่างนั้นหรอ จริงๆเราก็มีผลที่วิจัยออกมาเป็นของสถาบันโรคมะเร็ง ของกรมการแพทย์ว่า ถ้าฆ่าไม่ได้ถึง 50% ถือว่าใช้ไม่ได้ ซึ่งผลวิจัยออกมาว่า มีตั้งแต่ 13% 9% 30% 28% 12% มีหมด เราก็บอก ถ้าอย่างงั้นผมไม่รู้หรอก ถ้าไม่ถึง 50 ก็ไม่สามารถลองในตัวคนได้ก็ไม่เป็นไร
 
นายแสงชัยกล่าวต่อไปว่า จริงๆ ผมอยากถามสมุนไพรที่โฆษณาทุกโรงพยาบาลว่าลองส่งไปให้สถาบันมะเร็งทดสอบซิ ว่าผลมันเป็นยังไง เขาบอกว่ายังไม่มีการทดสอบ จริงๆแล้ว ด้วยความความเคารพ แพทย์ทุกคนเก่ง ทำให้ผมถูกต้องสิ ว่าจะทำอย่างไงเราจะมาช่วยกันด้วยความถูกต้อง ไม่ใช้บอกว่าฆ่าไวรัสฆ่าเชื้อมะเร็งไม่ได้ แต่จริงๆ ในรายงานที่เรามีในมือของสถาบันโรคมะเร็งก็มีผลเนี่ย กี่เปอร์เซ็นต์ ผู้สื่อข่าวก็ดูได้ ของเขาได้กี่เปอร์เซ็นต์ ของเขาได้ 64% ของเราได้ 26% ฆ่าด้วยสารเคมีเขามีระบุหมดในนี้ ฆ่าด้วยสารเคมีกี่เปอร์เซนต์ สมุนไพรกี่เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าต่ำกว่า 50 % ถือว่าฆ่าไม่ได้
 
นายแสงชัยยังกล่าวอีกว่า “เราทำเพื่อสมุนไพร ถ้าอย่างงี้ มีปัญหาเรื่องมากเดือนนี้อาจจะเป็นเดือนสุดท้าย ผู้หลักผู้ใหญ่ใครจะกินไม่มีแล้ว นอกระบบ เชิญทำเรื่องถึง ผอ.สถาบันโรคมะเร็ง หรือ อธิบดีกรมการแพทย์ว่าสมัครใจจะกินก็แล้วกัน ผู้ใหญ่ทุกคนทั้งตุลาการที่รับไปหลายร้อยชุดก็ไม่ต้องมาแล้ว ก็บอกอย่าหน้าด้านไง หมอ ตุลาการ ตำรวจ ทหาร ที่มากินน่ะ ก็ไปแจ้งเขียนหนังสือหน่อย ถึง ผอ.สถาบันมะเร็งหรือเข้าไปก็ได้ ดิฉันมีความประสงค์ที่จะกินที่จะกินสมุนไพรตัวนี้ ไปบอกเขา หลายเพจก็บอกว่าถ้าฆ่ามะเร็งไม่ได้ หน้าด้านไปแจกทำไม ก็อยากเลิกไง แล้วมาบอกว่าฆ่าไม่ได้ก็จะเลิก ถ้าเกิดไป...ถ้าผิดกฎหมายไปจะทำไงต่อไป ใช่มั้ย ต่อไปนี้ใครจะกินก็ต้องไปแจ้งที่สถาบันมะเร็ง หรือกรมการแพทย์ เข้าไปเลยไปแจ้งเขาเป็นลายลักษณ์อักษร ผมจะได้เอารายชื่อที่นั่นมาแจก”
 
“ผมจะไม่คิดแย่งอาชีพหมอหรอก ไม่แย่งคนไข้หรอก นะ จริงๆ ก็นี่ล่ะ คนจะกิน เดี๋ยวเดือนต่อไป เดือนนี้เอาเหมือนเดิม พอเดือนมิถุนา ทุกคนก็ไปลงชื่อที่อธิบดีกรมการแพทย์หรือสถาบันมะเร็ง ถ้าไม่มีตรงนั้นแจ้งออกมาว่ามีใครประสงค์จะกิน เราจะไม่ให้แล้ว ผู้หลักผู้ใหญ่ก็เหมือนกัน ไปแจ้ง ถ้ามีใครประสงค์จะกิน” นายแสงชัยกล่าวปิดท้าย
 
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้นายแสงชัยเคยขู่ว่าจะหยุดแจกยา เมื่อครั้งที่มีข่าวว่ายังไม่ได้ใบอนุญาตให้เป็นแพทย์พื้นบ้านมาแล้วครั้งหนึ่ง