พลตรีปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ โฆษกคสช. ระบุถึงการนำเสนอนโยบายของบุคคลหรือพรรคการเมืองเกี่ยวกับการ ‘ปฏิรูปกองทัพ’ ทั้งการยกเลิกเกณฑ์ทหารเปลี่ยนเป็นการรับสมัคร, การลดขนาดกองทัพลง เพื่อให้มีกำลังพลเหมาะสมกับภารกิจ และ การย้ายหน่วยงานของกองทัพออกไปอยู่ตามหัวเมืองว่า
คำว่าเกณฑ์ทหารเป็นภาษาพูดตามเนื้อความพระราชบัญญัติการรับราชการทหาร พ.ศ.2497 ว่าด้วยการตรวจเลือก ดังนั้นการยกเลิกเกณฑ์ทหารเปลี่ยนเป็นการรับสมัครก็ต้องไปดูกฏหมายดังกล่าวนี้ว่าเอื้ออำนวยให้สามารถปฏิบัติได้หรือไม่ หรือต้องแก้ไขอย่างไร ในปัจจุบันมียอดผู้สมัครโดยเฉลี่ยในแต่ละปีประมาณร้อยละ 42 ของความต้องการใช้กำลัง กล่าวโดยสรุปคือกองทัพยังคงดำเนินการตามที่กฏหมายระบุไว้
ส่วนการลดขนาดของกองทัพ ได้มีแผนรองรับทั้งในระดับยุทธศาสตร์จนถึงเหล่าทัพอยู่แล้ว ทั้งนี้เป็นไปเพื่อตอบสนองภารกิจตามมาตรา 52 ของรัฐธรรมนูญปี 2560 ซึ่งต้องทำความเข้าใจด้วยว่ากองทัพมิได้มีภารกิจเพียงด้านความมั่นคงภายนอกเท่านั้น กองทัพยังมีภารกิจในการพัฒนาประเทศ รวมถึงการบรรเทาสาธารณภัย นอกจากนั้นยังมีภารกิจตอบสนอง ภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ซึ่งมี กอ.รมน.เป็นหน่วยงานขับเคลื่อน เป็นรูปแบบของความมั่นคงภายใน ดังนั้นการผลิตและการเตรียมจำนวนกำลังพลในกองทัพจึงมีความสำคัญ เพราะทหารไม่สามารถผลิตได้ในระยะเวลาอันสั้นและต้องเป็นไปอย่างสอดคล้องกับภัยคุกคามที่หน่วยงานความมั่นคงทุกระดับนับตั้งแต่สภาความมั่นคงลงมาได้ประเมินไว้
พลตรีปิยพงศ์กล่าวถึงข้อเสนอการย้ายหน่วยงานกองทัพออกไปชานเมืองว่าเป็นไปตามแผนงานที่กำหนด ส่วนใหญ่หน่วยที่ตั้งในกทม.จะเป็นหน่วยบัญชาการ ส่วนกลาง หรือมีภารกิจเฉพาะโดยตรง การย้ายที่ตั้งต้องใช้งบประมาณ มิใช่แค่ตัวทหาร หรืออาคารสถานที่ แต่หมายความรวมถึงครอบครัว และองค์ประกอบอื่นๆด้วย
ทั้งนี้ในภาพรวมขอให้สาธารณชนได้เข้าใจในภารกิจของกองทัพว่าเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ขอขอบคุณในความปรารถนาดี ต่อข้อเสนอกองทัพจะนำไปเป็นข้อพิจารณาในการกำหนดแผนในอนาคตต่อไป
+ อ่านเพิ่มเติม