กรมอุทยานฯ แถลงยืนยันหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่าทั้งหมดคดีเปรมชัย เว้นถุงดำที่พึ่งจัดส่งมา ได้ส่งให้พนักสอบสวนหมดแล้ว ยันมั่นใจคณะทำงานเอาผิดเปรมชัยได้แน่นอน
นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี รองกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช แถลงผลการตรวจสอบ การตรวจสอบซากเสือดำและซากสัตว์ ที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบภายในแคมป์ของนายเปรมชัย รวมถึงผลการตรวจสอบงาช้างที่ยึดได้จากบ้านพักของนายเปรมชัย จากซอยศูนย์วิจัย 3 ซึ่งหน้าที่ที่กรมอุทยานรับผิดชอบคือการสนับสนุนช่วยเหลือในการตรวจสอบนิติวิทยาศาตร์สัตว์ป่า ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ซากสัตว์และเครื่องครัวที่พบในบริเวณจุดตั้งแคมป์ผลการตรวจพิสูจน์พบว่า ชิ้นเนื้อที่พบในหม้อซุป ซึ่งมีกระดูกต้นขา 2 ชิ้น ลำไส้ และเส้นขนเป็นของเสือดำจริง และเป็นเสือดำเพศเมีย ซึ่งอวัยวะดังกล่าวเป็นของเสือดำที่พบเป็นซากอยู่ภายในบริเวณแคมป์ , ชิ้นส่วนที่ผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นเก้ง แต่ผลการตรวจสอบพบว่าเป็นหมูป่า
ซึ่งตามกฎหมายของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชระบุว่า ซากสัตว์ป่าที่พบภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ถือว่าเป็นสัตว์ป่าที่อยู่ภายในเขตอนุรักษ์ ซึ่งมีความผิดตามกฎหมายอย่างชัดเจน ไม่มีสิทธิ์โต้แย้งได้ , ชิ้นเนื้อที่ผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นไก่ฟ้าหลังเทา จากผลการตรวจสอบพบว่าเป็นไก่ฟ้าหลังขาว ซึ่งถือว่าเป็นสัตว์ป่าสงวนและสัตว์ป่าคุ้มครองและห้ามล่า,ห้ามค้า,ห้ามนำออกหรือส่งออกด้วยเช่นเดียวกัน , ส่วนวัตถุพยานที่พบเช่นมีดอีโต้ มีดทำครัว มีดเหน็บ และเขียงพลาสติก ผลการตรวจพบว่า มีดีเอ็นเอของเสือดำตัวเดียวกันกับที่กล่าวมาข้างต้นด้วย ซึ่งถือว่าหลักฐานทั้งหมดที่ได้มาจากพนักงานสอบสวน ยกเว้นถุงดำ ที่พึ่งได้รับมา ได้มีการส่งผลให้เจ้าหน้าที่แล้ว ส่วนถุงดำยังต้องรอการตรวจสอบ
รวมถึงกรณีงาช้างที่พบจากการตรวจสอบแล้วเป็นงาช้างแอฟริกา ซึ่งทางกรมอุทยานได้เข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนของกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ ปทศ. ให้ดำเนินการเอาผิดกับ นางคณิตตา กรรณสูต ภรรยาของนายเปรมชัย ในข้อหามีซากสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตซึ่งมีโทษจำคุก 4 ปี ปรับ 40,000 บาท
เนื่องจากนางคณิตตา เป็นผู้ยื่นแจ้งการครอบครองงาช้างของกลางต่อกรมอุทยานแห่งชาติฯ แล้ววานนี้ ซึ่งในส่วนของงาช้าง ที่มีแจ้งลงทะเบียนในปี 2558 ทั้งหมด 48,642 ราย เป็นงาดิบ 63,587รายการ และเป็นผลิตภัณฑ์ จากงาช้าง 1,261,412 รายการ ซึ่งขณะนี้ยังตรวจสอบได้ไม่แล้วเสร็จ
ส่วนกระแสสังคมที่มีให้ถอดถอน พลตำรวจเอกศรีวราห์ ออกจากการดูคดีนี้ ทางกรมอุทยานยืนยันว่าจนถึงขณะนี้ยังคงมั่นใจในการทำงานของคณะทำงานที่ทางกรมอุทยานได้ร่วมทำงานกับคณะพนักงานสอบสวน ว่าจะสามารถเอาผิด นายเปรมชัยกับพวกได้ ซึ่งในส่วนของข้อหาร่วมกันล่าและฆ่าสัตว์ป่า ที่ทางมูลนิธิสืบนาคะเสถียรออกมาแถลงว่าหากไม่มีการแจ้งข้อหานี้จะออกมาเคลื่อนไหว ซึ่งในส่วนขอกรมอุทยาฯ ไม่ได้มีหน้าที่ในการแจ้งข้อหาผู้กระทำความผิด แต่จากการร่วมทำงานเชื่อว่าจากพยานหลักฐานทั้งหมดจะเอาผิดนานเปรมชัยกับพวกในข้อหาเหล่านี้ได้ ส่วนการตรวจสอบความผิดของเจ้าหน้าที่กรมอุทยานพบว่าจนถึงขณะนี้ หลังมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน ยังไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานเข้าไปมีส่วนร่วมการกระทำผิด หรือละเลยการปฏิบัติหน้าที่ รวมถึง ผอ.กาญจนา ก็พบว่าเป็นการอนุญาตในขอบเขตหน้าที่ที่สามารถทำได้
ส่วนเรื่องการมอบไฟฉายให้เจ้าหน้าที่ของนายนพดล พบว่าไฟฉายที่ให้มา 5 กระบอก กระบอกละ 120 บาท เป็นการให้ในฐานะรุ่นพี่ให้รุ่นน้องไม่เข้าข่ายการติดสินบนและมูลค่ารวมก็ไม่ถึงข้อกำหนดเช่นกัน ส่วนประเด็นวิถีกระสุนที่กรมอุทยานมีการลงพื้นที่จำลองจุดยิงและวิถีกระสุน ขณะนี้ยังคงต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมส่วนเจ้าหน้าที่จะนำไปลงในสำนวนหรือไม่ รองอธิบดีกรมอุทยานไม่ได้มีการยืนยันในประเด็นนี้
โดยรองอธิบดีกรมอุทยาน ยังระบุอีกว่า ขอขอบคุณสังคม ที่ให้ความสนใจเหตุการณ์นี้ เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญ ที่ส่งผลถึงระบบนิเวศน์และทรัพยากรธรรมชาติสัตว์ป่าของไทย และขอยืนยันว่าคณะทำงานจะสามารถเอาผิดผู้กระทำผิดได้อย่างแน่นอน และทางกรมขอยืนยันว่าทาวกรมไม่ได้ทอดทิ้ง หัวหน้าวิเชียร ตามที่สังคมเกรงแต่อย่างใด
คลิป
;
+ อ่านเพิ่มเติม