ผบ.ตร. ยังไม่สั่งโอนคดีเปรมชัยเข้าส่วนกลาง เชื่อทุกฝ่ายทำงานร่วมกันได้ ขณะที่ "ศรีวราห์" เตรียมสอบข้อเท็จจริงกรณีติดสินบนเจ้าพนักงาน พร้อมตั้งข้อหาพ.ร.บ.อาวุธปืนเพิ่ม ส่วนการขยายผลหากพบเจ้าหน้าที่คนใดเอื้อประโยชน์ให้ผู้ต้องหา พร้อมดำเนินคดีทันที
พ.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ สั่งการให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าไปดูแลคดีนายเปรมชัย กรรณสูตร และพวกรวม 4 คน ที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีลักลอบล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรตะวันตก จังหวัดกาญจนบุรี ยืนยันไม่กังวลว่าผู้ต้องหาจะเป็นนักธุรกิจชื่อดัง เพราะอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน และขณะนี้ก็ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสั่งการให้โอนคดีมาไว้ที่ส่วนกลาง แต่ให้ทุกหน่วยงานบูรณาการร่วมกันในการสืบค้นข้อเท็จจริง
ด้านพล.ต.อ.ศรีวราห์ ระบุว่าบ่ายนี้ได้เชิญเจ้าหน้าที่กรมอุทยานกว่า 10 คน รวมทั้งนายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าชุดจับกุม เข้าให้ปากคำและข้อมูลที่ ปทส. ประเด็นที่เกิดขึ้น รวมถึงประเด็นการติดสินบนเจ้าพนักงาน และปล่อยปละละเลยให้ผู้ต้องหาเข้าไปในเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่า ซึ่งหากพบว่านายเปรมชัยติดสินบน ก็จะแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติม จากก่อนหน้านี้ที่เคยแจ้งข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ.สัตว์ป่าไปแล้ว 9 ข้อหา รวมถึงเอาผิดกับเจ้าหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มผู้ต้องหาด้วย ส่วนอาวุธปืนที่นายเปรมชัยนำเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ซึ่งห้ามนำอาวุธเข้านั้น ก็จะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในภายหลัง
อย่างไรก็ตามตำรวจจะรวบรวมพยานหลักฐาน โดยเฉพาะอาวุธปืนที่ตรวจยึดได้ภายในบ้านพักของนายเปรมชัย ย่านศูนย์วิจัย 3 จำนวน 43 กระบอก ที่เบื้องต้นตรวจสอบพบว่ามีทะเบียนเกือบทุกกระบอก โดยจะต้องมีการประสานกรมการปกครองเพื่อตรวจสอบรายละเอียดว่ามีการออกใบอนุญาตถูกต้องหรือไม่ ส่วนงาช้าง 2 คู่ อยู่ระหว่างส่งตรวจพิสูจน์ว่าเป็นงาช้างไทยหรือไม่ แต่ส่วนตัวคิดว่าไม่ใช่งาช้างไทย ซึ่งหากไม่ใช่งาช้างไทยก็จะจดทะเบียนไม่ได้
ส่วนกระแสข่าวว่ามีหนังเสือในห้องทำงานของนายเปรมชัยนั้น เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบแล้วไม่พบ อีกทั้งภาพที่มีการเผยแพร่ก็เป็นภาพเก่าเมื่อ 20 ปีก่อน ซึ่งคดีหมดอายุความไปนานแล้ว
ทั้งนี้พล.ต.อ.ศรีวราห์ยืนยันว่าไม่หนักใจที่มีหลายฝ่ายออกมาตั้งข้อสังเกตว่าตำรวจจะไม่สามารถนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษได้ เพราะพยานหลักฐานขณะนี้มีความชัดเจนอยู่แล้ว ว่าใครเป็นผู้ครอบครองปืน และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยว ต้องขออนุญาตเข้าไปและห้ามนำอาวุธเข้าไปในพื้นที่ แต่กลุ่มผู้ต้องก็ไม่ได้ขออนุญาตอย่างถูกต้องและยังนำปืนเข้าไปล่าสัตว์ มีหลักฐานซากสัตว์ชัดเจน มั่นใจฟ้องได้แน่นอน และยืนยันไม่มีการวิ่งเต้นล้มคดี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
+ อ่านเพิ่มเติม