ตำรวจเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าหารือกับตัวแทนกลุ่มบริษัทที่ทำธุรกรรมเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล หรือบิทคอยน์ หลังพบเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ใช้บัญชีบิทคอยน์เป็นช่องทางในการโอนเงินที่ได้จากการกระทำความผิด ด้านตัวแทนบริษัทเอกชนที่เข้าร่วมพร้อมให้ความร่วมมือให้ข้อมูลตัวแทนกลุ่มบริษัทที่ทำธุรกรรมเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล หรือ บิทคอยน์ เพื่อหามาตรการป้องกันการทำธุรกรรมของกลุ่มเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์
พลตำรวจเอกธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ตำรวจได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากกลุ่มบริษัทที่ทำธุรกรรมให้บริการเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล หรือ บิทคอยน์ ซึ่งที่ผ่านมา ตำรวจพบว่ามีมากถึงร้อยละ 90 ที่เครือข่ายคอลเซ็นเตอร์โอนเงินจากการกระทำผิดเข้าสู่ระบบบิทคอยน์ และมีมูลค่าความเสียหายสูงถึง 20 ล้านบาท เพราะช่องทางนี้ยากต่อการตรวจสอบในการทำธุรกรรมผ่านบิทคอยน์ และกฎหมายในประเทศไทยยังไม่รองรับสกุลเงินบิทคอยน์ นอกจากนี้ ตำรวจยังส่งข้อมูลบัญชีบุคคลต้องสงสัยในขบวนการคอลเซ็นเตอร์จำนวนหนึ่ง ให้ตัวแทนบริษัทไปตรวจสอบว่ามีการทำธุรกรรมในบริษัทหรือไม่ โดยในอนาคตตำรวจจะเก็บรวบรวมฐานข้อมูลบริษัทที่นอกเหนือจากนี้ ซึ่งพบว่า ยังมีอีกจำนวนมากจงใจจดทะเบียนการค้าโดยหลีกเลี่ยงกฎหมาย
ขณะที่นายศิวัช ชาวบางนา ผู้อำนวยการศูนย์สารสนเทศสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ป.ป.ง. ยอมรับว่า การทำธุรกรรมผ่านบิทคอยน์ กฏหมายของ ป.ป.ง.ยังไม่สามารถเข้าไปดำเนินการยึดทรัพย์ได้ เพราะกฎหมายประเทศไทยยังไม่รับรองสกุลเงินบิทคอยน์ จึงไม่เข้ามูลฐานความผิดฟอกเงิน ดังนั้น ป.ป.ง.จึงอยู่ระหว่างการร่างกฎหมายเพื่อเสนอให้คณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้มีความทันสมัย
+ อ่านเพิ่มเติม